1.
สถานภาพจิตวิญญาณ คาล์ป
การพยากรณ์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกันนี้
จะได้รับการมอบให้แก่
ประกาศก อดัม
ในภาษา
วูดู เนื้อหนัง
(หัวใจ)
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันคือ
ดิล และในภาษาอารบิกก็จะเรียกว่า
ฟาวิส
สถานภาพแห่งจิตวิญญาณซึ่งยังคงอยู่ต่อจากหัวใจก็คือ
คาล์ป Qalb และตามข้อความของประกาศก
หัวใจแและคาล์ปนั้นจะมีสถานภาพแยกกัน
2 ประการ
ระบบสุริยะจักรวาลนั้นเป็นวงจรของมนุษย์และกายภาพและก็มีแว่นแคว้นและขอบเขตตัวอย่างเช่น อาณาจักรของเทวดา อาณาจักรของบัลลังก์แห่งพระผู้เป็นเจ้า อาณาจักรของวิญญาณ อาณาจักรของความลี้ลับมหัศจรรย์ อาณาจักรของการอยู่ร่วมรวมกันและอาณาจักรแห่งสาระถะของพระผู้เป็นเจ้าขอบเขตเหล่านี้นั้น รูปแบบของชีวิตนั้นอาศัยอยู่ใจขอบเขตเหล่านี้ก็มีชีวิตยืนยาวอยู่กว่าการระเบิดของลูกไฟหรือดวงอาทิตย์ ซึ่งก่อให้เกิดระบบสุริยะจักรวาล
เทวดาสามัยก็ถูกสร้างขึ้นมาตามหลังจากที่มีการสร้างดวงวิญญาณเมื่อพระผู้เป็นเจ้ามีบัญชาให้เป็น
แต่เทวดาใหญ่และสถานภาพของจิตวิญญาณ
(ซึ่งถูกวางตำแหน่งอยู่ในร่างกายของมนุษย์ในเวลาที่เกิด)
ได้มีอยู่ในบริเวณเหล่านี้ก่อนการสร้างระบบสุริยะจักรวาลแล้ว
ดาวนพเคราะห์ต่างๆ
ดาวนพเคราะห์ต่างๆ
ซึ่งอยู่ในระบบสุริยะจักรวาลนั้น
ซึ่งอยู่ในวงจรนี้แต่ต่อมาชีวิตเหล่านี้ก็กลายเป็นสิ่งสูญพันธุ์ไป
และดาวนพเคราะห์ที่ยังคงเหลืออยู่และสิ่งที่อาศัยอยู่นั้นก็ยังคงคอยการถูกทำลายล้าง
เทวดาใหญ่และสถานภาพของจิตวิญญาณ
(ร่างกายมนุษย์จะถูกสร้างขึ้น
70,000 ปีก่อนที่จะมีประชาชนเกิดขึ้น)
สถานภาพของจิตวิญญาณต่างๆ
เหล่านี้ พระผู้เป็นเจ้าได้จัดไว้โดยการใส่คาล์ปในอาณาเขตแห่งความรัก
และก็จะยังคงอยู่กับสิ่งนี้และมนุษย์ดังกล่าวนั้นก็สามารถที่จะมีความเชื่อมเกี่ยวและความสัมพันธ์ที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า
การดำเนินการแบบคาล์ปเหมือนกับพนักงานรับโทรศัพท์ระหว่างพระผู้เป็นเจ้าและมนุษย์
มนุษย์ก็สามารถรับการเหนี่ยวนำ
และแรงบันดาลใจโดยผ่านสิ่งนี้
โดยเหตุที่การสักการะและการคาราวะและการรำพึงภาวนาที่กระทำไปโดยจิตวิญญาณเหล่านี้
สามารถที่จะเข้าถึงบริเวณสูงสุด
บัลลังก์แห่งพระผู้เป็นเจ้า
พร้อมด้วยการช่วยเหลือของคาล์ป
คาล์ปในตัวมันเองอย่างไรก็ตามไม่สามารถจะเดินทางเกินขอบเขตหรือแว่นแคว้นของเทวดา
ซึ่งเป็นที่จุดกำเนิดก็คือ
คูลด์ khuld สวรรค์ชั้นต่ำที่สุดในบริเวณของเทวดา
การรำพึงภาวนาของคาล์ปนั้นมาจากภายในและเป็นเหมือนกับสายประคำที่สั่นไหวอยู่ภายในโครงกระดูกของมนุษย์ (เหมือนกับแรงเต้นของหัวใจ) ประชาชนซึ่งไม่สามารถที่จะบรรลุถึงการรำพึงภาวนาแห่งคาล์ปในชีวิต ก็จะไดรับความเศร้าหมองแม้ว่าพวกเขาอาจจะอยู่ในสวรรค์
เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้กำหนดเกี่ยวกับบุคคลซึ่งจะไปสวรรค์ว่าพวกเขาจะต้องอาศัยอยู่ใน สวรรค์และคิดว่าพวกเขาจะต้องเท่าเทียมกันกับบุคคลที่ถูกยกขึ้น (ที่เข้าถึงบริเวณที่สูงกว่า ในระดับที่ดีกว่า โดยการฝึกกฎระเบียบแห่งจิตวิญญาณและกลายเป็นผู้ได้รับการส่องสว่าง) สำหรับบุคคลซึ่งได้บรรลุถึงการรำพึงภาวนาแห่งคาล์ป พวกเขาจะมีความสุขสำราญ และก็จะอยู่ในสวรรค์เมื่อคาล์ปของพวกเขานี้จะมีการเคลื่อนไหวพร้อมด้วยนามแห่งพระผู้เป็นเจ้า การคาราวะร่างกาย หลังความตายจะหยุดลงและบุคคลซึ่ง
คาล์ปและจิตวิญญาณของพวกเขานั้นมิได้ทำให้เกิดความเข้มแข็งหรือได้รับการส่องสว่าง
พร้อมด้วยแสงแห่งพระผู้เป็นเจ้า
ก็จะได้รับความทุกข์ทรมาน
และเศร้าหมองในหลุมศพของเขาและจิตวิญญาณของพวกเขาก็จะถูกสร้างและทำลายไปด้วยเหตุที่ผู้ได้รับการส่องสว่างและได้รับการทำนุบำรุง
จิตวิญญาณให้เข้มแข็งก็จะไปสู่บริเวณสถานที่ซึ่งมีแรงจูงใจหรือที่ชุมนุมของสิ่งที่ถูกต้อง
ซึ่งคอยอยู่ก่อนการพิพากษาครั้งสุดท้าย
หลังจากวันพิพากษาร่างกาย
ร่างที่
2 ก็จะได้ถูกมอบให้และจิตวิญญาณก็ได้รับการส่องสว่าง
พร้อมกับวิญญาณของมนุษย์
ได้เข้าไปสู่ร่างกายดังกล่าวนั้น
ประชาชนซึ่งสอนจิตวิญญาณแห่งพวกเขา
การรำถึงภาวนาและโดยวิธีการซึ่งจิตวิญญาณต่างๆ
นั้นร้องเพลงในนามของ
พระผู้เป็นเจ้า พระอัลลาร์
ในช่วงชีวิตของเขาก็จะพลว่า
จิตวิญญาณของเขาก็ยังคงอยู่พร้อมกับการรำพึงภาวนาเหล่านี้ต่อมาและบุคคลดังกล่าวเหล่านั้นก็ยังคงได้รับการยกขึ้นและได้รับการแซ่ซ้องต่อไป
บุคคลซึ่งมีหัวใจที่มืดบอด
(บุคคลที่ไม่ได้รับการส่องสว่าง)
ชีวิตของเขาก็จะอยู่ในความมืดและในดินแดงแห่งความมืดเสมอ
ตามที่โลกนี้เป็นสถานที่ของการต่อสู้แห่งความพากเพียร
บุคคลในกลุ่มต่อมานั้น
ก็จะกลายเป็นบุคคลที่อยู่ในความเงียบสงบ
นอกจากคริสเตียนและพวกยิว
ความเชื่อของฮินดู
ก็ยังคงมีความเคร่งครัด
ในเรื่องของจิตวิญญาณ
ตามความเชื่อของฮินดูจะอ้างถึงสิ่งเหล่านี้เสมอ
เสมือนเป็น แชคเทียน
shaktian และชาวมุสลิมจะรู้สิ่งเหล่านี้เสมือนว่าเป็น
ลาตา
อิฟ
lata if
คาล์ปนั้นมีลักษณะเป็น
2 นิ้ว ทางด้านซ้ายของหัวใจและมีสถานภาพของจิตวิญญาณเป็นสีเหลืองเมื่อได้รับการส่องสว่างในบุคคล
บุคคลเหล่านั้นจะเห็นสีเหลืองในสายตาของเขา
ไม่เพียงแต่สิ่งนี้เท่านั้น
ก็ยังมีผู้ที่ถือปฏิบัติ
ไม่เพียงแต่สิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่ยังมีผู้รักษาพยาบาลคนซึ่งใช้สีของสถานภาพของติจวิญญาณบำบัดรักษาบุคคล
บุคคลส่วนมากยังมองสิ่งนี้เสมือนเป็นคำพูดจากหัวใจ(ความรู้สึกภายใน
ซึ่งเป็นความจริงและถ้าหัวใจของประชาชนยังมีความเป็นจริงอยู่
ทำไมประชาชนทั้งหมดซึ่งมีหัวใจมิได้หล่อหลอมเข้าด้วยกัน
คาล์ป ในบุคคลธรรมดานั้นจะอยู่ในสภาพซึ่งไม่ตื่นหรือหลับไหลและจะไม่ครอบครองความรู้สึกซาบซึ้งหรือความตระหนักถึงสิ่งใดๆ
โดยที่การครอบครองของจิตวิญญาณแห่งตนเอง
อัตตา และ
คานนัส
(khannas) หรือเนื่องมาจาก
ความเอในใส่ของจิตใจดวงเดียวของบุคคลคนหนึ่งสามารถที่จะทำให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาดได้
การให้ความไว้วางใจในคาล์ปที่หลับไหลในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
และเพียงเมื่อในนามของพระผู้เป็นเจ้าอัลลาร์และก่อให้เกิดหัวใจที่สั่นไหวและก่อให้เกิดความซาบซึ้งที่ถูกต้องหรือความผิดพลาดหรือสติปัญญาที่จะติดตามมา
ณ ระดับนี้คาล์ปก็จะเป็นที่รู้จักกันดี
เสมือนเป็นการรำพึงภาวนาโดยคาล์ปแห่งนามของพระผู้เป็นเจ้าอัลลาร์
จึงเสมือนเป็นคาล์ปที่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
และในระดับนี้หัวใจก็สามารถที่จะป้องกันคนจากการกระทำความผิด
แต่มันคงยังไม่สามารถที่จะกระทำการตัดสินใจได้อย่างยุติธรรมและถูกต้อง
หลังจากนั้นเพียงเมื่อลำแสงหรือลำแสงแห่งพระผู้เป็นเจ้าและรหัสธรรมของพระองค์ก็จะเริ่มตกทอดมายังหัวใจเหล่านั้น
เป็นที่ทราบกันเสมือนว่าเป็นคาร์ฟที่ได้รับการส่องสว่างและทำให้บริสุทธิ์
ซึ่งจะคงอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า
ข้อความแห่งประกาศก
ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าที่จะลงสู่หัวใจที่แตกสลายและหลุมศพที่ระทมทุกข์
หลังจากนั้นเมื่อหัวใจเข้าถึงสภาพนี้
และบุคคลคนหนึ่งต้องยอมรับว่าสิ่งใดๆ
ก็ตามซึ่งได้ถูกกำหนดมา
อยู่อย่างปราศจากข้อสงสัยเพราะว่าเนื่องจากลำแสงแห่งรหัสธรรมของพระผู้เป็นเจ้า
จิตวิญญาณแห่ง
ตนเอง(อัตตา)
กลายเป็นสิ่งที่ได้รับการส่องสว่างและได้รับการชำระล้างให้สะอาดไปและความสันติสุข
พระผู้เป็นเจ้าจึงมีความใกล้ชิดกับบุคคลเหล่านั้นมากกว่าบางคนซึ่งมีเส้นเลือดดำว่า
ประกาศกและความรู้ที่เกี่ยวข้องกันก็จะได้รับมองให้สู่ประกาศกอับบราฮัม
อันนี้คือสิ่งที่อยู่ทางด้านขวาของทรวงอกและอยู่ในสภาพตื่นขึ้นและได้รับการส่องสว่างโดยการรำพึงภาวนา โดยการเพ่งสมาธิลงไปในจุดจุดเดียวและครั้งหนึ่งเมื่อได้รับการส่องสว่างก็จะมีลำแสงพวยพุ่งตรงเหมือนกับการเต้นของหัวใจซึ่งรู้สึกได้ทางด้านขวาของหน้าอก และดังนั้นนามของพระผู้เป็นเจ้าคือ ยา อัลลาร์
ซึ่งเข้ากับได้กับแรงกระตุ้นที่มีความสั่นสะเทือน
การรำพึงภาวนาของจิตวิญญาณซึ่งทำไปในลักษณะนี้
ณ
จุดนี้ก็จะมีสถานภาพของจิตวิญญาณ 2
แบบ
ซึ่งรำพึงภาวนาอยู่ภายในร่างกายของมนุษย์
และก็การเจริญรุดหน้าไปในลำดับขั้นและสถานภาพก็จะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
คาล์ป
จิตวิญญาณนั้นก็คือ
ลำแสงสีแดง
และก็เมื่อถูกปลุกให้ตื่นขึ้นก็สามารถเดินทางไปในบิรเวณของจิตวิญญาณต่างๆ (ที่ตั้งแห่งเทวดาใหญ่
กาเบรียล)
ความโกรธและการบุกรุกก็จะถูกยึดติดกับสิ่งนั้นและจะถูกเผาไหม้และจะกลายเป็นความสง่างามในที่สุด
ประกาศกและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ก็จะได้รับมอบให้แก่ประกาศกโมเสส
4. จิตวิญญาณ คาฟฟี่
การพยากรณ์และความรู้ที่มีความสัมพันธ์กันเหล่านี้
ก็จะได้รับมอบให้แก่ประกาศกเยซู
5. จิตวิญญาณ อัคฟ่า
การพยากรณ์และความรู้ที่เกี่ยวข้องกันนี้จะถูกนำมอบสู่ประกาศกโมฮัมเหม็ด
นี่คือที่ตั้งของศูนย์กลางแห่งทรวงอกและได้รับการปลุกให้ตื่นขึ้นโดยการรำพึงภาวนา
โดยนามของพระผู้เป็นเจ้า
อายาฮัจ ซึ่งมีสีม่วง
และก็จะรวมเข้ากับสิ่งหนึ่งที่ครอบคลุม
ดินแดนที่จะรวมอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นบัลลังก์ของพระองค์ที่อยู่เบื้องหลัง
ความรู้ทางด้านจิตวิญญาณที่หลบซ่อนเร้นอยู่และเกี่ยวข้องกับสถานภาพแห่งจิตวญญาณทั้ง
5 ประการนี้จะได้รับการมองให้สู่ประกาศกต่างๆ
ทีละคน และกึ่งหนึ่งของความรู้เกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณนี้ก็จะได้รับมอบจากประกาศกต่างๆ
ให้แก่นักบุญในช่วงเวลาของพวกเขาในลักษณะนี้ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของความรู้นี้
นักบุญต่างๆ ในทางกลับกันก็จะช่วยส่งทอดความรู้นี้ไปยังจิตวิญญาณซึ่งมีความเสน่หาหรือในเชิงของพระผู้เป็นเจ้า
บุคคลซึ่งมีหรือได้รับประโยชน์จากรหัสธรรมความรู้ที่ได้รับนี้
ความรู้ที่สามารถเห็นได้ชัด
ซึ่งสามารถมองเห็นเชื่อมต่อกับร่างกายทางศักยภาพทางกายภาพภาษาหรือคำพูด
บริเวณอาณาเขตของมนุษย์และจิตวิญญาณขอตัวเอง นี่คือความตายแบบสามัญ
ความรู้ที่รวมอยู่ในหนังสือ
ซึ่งมี
30 ภาค ความรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณก็จะได้รับมอบสู่ประกาศกต่างๆ
โดยการเปิดเผยซึ่งนำมาโดยเทวดา
กาเบรียลและด้วยเหตุผลนี้เองจึงเป็นการทราบกันว่า
พระคัมภีร์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านจิตวิญญาณ
6.
จิตวิญญาณแอนนา
สถานภาพแห่งจิตวิญญาณที่อยู่ภายใน
สมองและสภาพปราศจากสีโดยการรำพึงภาวนา
ในนามของพระผู้เป็นเจ้า
ยาบู ซึ่งจิตวิญญาณสามารถเข้าถึงจุดสูงสุดและจิตวิญญาณเหล่านี้ซึ่งเมื่อกลายเป็นสิ่งที่ได้รับการส่องสว่างและเกิดพลังและสามารถที่จะอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้าไดเพื่อที่เผชิญกับพระองค์และสื่อสารกับพระผู้เป็นเจาได้โดยปราศจากสิ่งที่เข้ามาปิดกั้นเพียงผู้ที่มีความรักต่อพระองค์อย่างเปี่ยมล้นจะข้าถึง
อาณาเขตแบะแว่นแคว้นแห่งพระผู้เป็นเจ้า
นอกจากนี้ก็ยังมี ประชาชนที่ได้รับการยกขึ้นเหนือไว้
และเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาติในสิทธิ
ของจิตวิญญาณเสริมตัวอย่างเช่น
จิตวิญญาณทิฟเฟอร์
เอนูรี
หรือจิตวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าจัสซ่า
อี โทปิคอี
ลาฮิ สถานภาพทางจิตวิญญาณของบุคคลเหล่านั้น
ก็จะอยู่เกินความเข้าใจได้
จิตวิญญาณแอนนา
พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการเห็นเสมือนเป็นภาพแห่งความฝัน
พร้อมด้วยจิตวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าที่เป็นสมอง
พระผู้เป็นเจ้าจะถูกเห็นเป็นเสมือนสภาพของการรำพึงภาวนา
เมื่อจิตวิญญาณในตัวมันเองออกจากร่างมนุษย์
และก็สืบทอดไปยังสาระถะแห่งพระผู้เป็นเจ้า
บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ
ทิฟเฟอร์ เอนูรี
จะเห็นพระเจ้าขณะซึ่งพวกเขามีสัมปะชัญญะอยู่
เพราะว่าบุคคลเหล่านี้ เป็นคนที่มีความสง่างามและมีพลังของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในโลก พวกเขาสามารถที่จะเข้าครอบครองบุคคลโดยการควบคุมการคาราวะบูชาหรือการบำเพ็ญเพียรหรือโดย หรรษทานแห่งจิตวิญญาณที่ถูกส่งให้แก่บุคคลนั้นโดยตรง โดยบริเวณขอบเขตของความรักของพระผู้เป็นเจ้า ในสายตาของพวกเขาเกี่ยวข้องกับการมอบพระราชทานกับจิตวิญญาณให้ผู้มีความเชื่อและผู้ที่ปราศจากความเชื่อ ผู้ที่ตายและผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ในลักษณะเดียวกัน เหมือนกับที่ขโมยคนหนึ่งจะหลายเป็นนักบุญ
และตัวอย่างนั้นโดยการผ่านเพียงแวบเดียว
เพียงชั่วลมหายใจเดียว
ของนักบุญ ไชค้
อับดุบ
คาร์เดียร์ อาล ยีรานี
และทำนองเดียวกัน อาบูบัค
ฮาวารี
และมัลกาหัวขโมยซึ่งกลายเป็นนักบุญในฉับพลัน
โดยการได้รับการผ่านส่งมาแห่งหรรษทานเพียงครู่เดียวของการเป็นนักบุญดังกล่าวของพวกนั้น
ผู้นำข่าวสารหลักได้รับความรู้เกี่ยวกับสถานภาพแห่งจิตวิญญาณแยกจากกันและตามลำดัลและการปรากฏตัวของพวกเขา
ด้วยผลดังกล่าวนั้นเองซึ่งทำให้จิตวิญญาณยังคงมีความเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พร้อมทั้งสถานภาพแห่งจิตวิญญาณใดๆ
ก็ตามที่คุณจะปฏิบัติโดยการรำพึงภาวนา
คุณจะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้นำข่าวสารซึ่งมีลักษณะถูกต้องตรงกันและกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่จะรับความศรัทธาแห่งจิตวิญญาณ(
จากผู้นำพาข่าวสาร)
สถานภาพจิตวิญญาณใดๆ
ก็ตามที่ได้รับลำแสงแห่งศรัทธาของพระผู้เป็นเจ้า
ความเป็นนักบุญ ซึ่งอนุมัติให้กับสถานภาพจิตแห่งจิตวิญญาณ จะได้รับการเชื่อมต่อสัมพันธ์กันกับพระราชทานแห่งจิตวิญญาณของประกาศกในทำนองเดียวกัน
หน้าที่ต่างๆ
ของสถานภาพแห่งจิตวิญญาณภายในร่างกายของมนุษย์
อัคฟ่า
(Akhfa) ด้วยเหตุที่สถานภาพแห่งจิตวิญญาณอัคฟ่า
บุคคลคนหนึ่งสามารถที่จะพูดและในการที่หายจากการปรากฏตัวอาจจะก่อให้เกิดการพูดหรือลิ้นแบบปกติแต่จะเกิดหูหนวก
ความแตกต่างระหว่างมนุษย์
และสัตว์ก็อยู่ที่ความมีอยู่หรือการขาดหายไปของสถานภาพแห่งจิตวิญญาณเหล่านี้
เริ่มตั้งแต่เกิดถ้าสถานภาพอั๊คฟ่าไม่สามารถที่จะเข้าไปสู่ร่างกายด้วยเหตุผลใดๆ
ก็ตาม ประกาศกก็จะแต่งตั้งการแก้ไข
ซ่อมแซมให้ถูกต้องของอาการป่วย
ซึ่งเราเรียกว่าการรักษา
ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความเป็นใบ้
ก็จะต้นสามารถพูดขึ้นได้
เซอร์รี่
(sirri) คือบุคคลที่สามารถที่จะเห็นเนื่องจากสถานภาพทางจิตวิญญาณเซอร์รี่ถ้าไม่เข้าไปสู่ร่างกายมนุษย์
บุคคลนั้นก็จะเป็นบุคคลที่ตาบอดตั้งแต่กำเนิด
ประกาศกที่ได้รับการแต่งตั้ง
ก็จะมีหนาที่ที่ค้นพบและกำหนดสถานภาพของจิตวิญญาณในร่างกาย
เสมือนเป็นเหตุผลซึ่ง
ทำให้เกิดความตาบอด
และอาจจะเริ่มต้น มองดูอีกครั้งหนึ่ง
คาล์ปโดยปราศจากสถานภาพทางจิตวิญญาณของคาล์ปและร่างกายบุคคลก็เหมือนกับสัตว์
ซึ่งไม่คุ้นเคยและอยู่ห่างไกลจากพระผู้เป็นเจ้า
มีสภาพเศร้าโศกและปราศจากวัตถุประสงค์
การกลับไปสู่สถานภาพแห่งร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็นงานหลักของศาสดาด้วย
ความมหัศจรรย์ของประกาศกทีได้รับมอบให้ไปยังนักบุญต่างๆ
ในรูปแบบของความลี้ลับความมหัศจรรย์
ซึ่งเป็นผลซึ่งแม้แต่คนซึ่งหัวดื้อ
หรือไม่มีความเชื่อในพระเจ้าก็เข้ามาใกล้ชิดกับพระองค์ได้
เมื่อสถานภาพทางจิตวิญญาณนี้ถูกส่งคืนไปโดย
นักบุญหรือประกาศกหรือคนใบ้หรือคนหูหนวกและคนตาบอด
ตามลำดับขั้น บุคคลเหล่านี้ก็จะได้รับการรักษาให้หาย
แอนนา (Anna) เมื่อสถานภาพทางจิตวิญญาณแอนนาไม่สามารถที่จะเข้าสู่ร่างกายได้
บุคคลจึงถือเสมือนเป็นคนทุพพลภาพ
หรือเป็นบุคคลซึ่ง
ไม่มีความผิดปกติของจิตแม้ว่าสมองจะทำหน้าทีได้อย่างปกติ
คาฟฟี่
(Khaffi) ในการหายไปของสถานภาพทางจิตวิญญาณ
คาฟฟี่คือบุคคลซึ่งหูหนวก
แม้แต่หูของเขาก็จะถูกเปิดกว้างออก
เงื่อนไขต่างๆ
ก็สามารถที่จะก่อให้เกิดความบกพร่องอื่นๆ
ได้ในร่างกาย และสามารถที่จะได้รับการรักษาปฏิบัติได้ จะไม่มีการรักษาในกรณีซึ่งข้อบกพร่องนั้นถูกทำให้เกิดขึ้นโดยการขาดหายไปของสถานภาพทางจิตวิญญาณที่เชื่อมต่ออยู่
ยกเว้นในที่ซึ่งประกาศกหรือนักบุญ
ได้เข้ามาแทรกแซงเพื่อกอบกู้และรักษาข้อบกพร่องนั้นให้หายไป
อัลลาร์
ภาษาซีเมติกหรือความหมายของคำพูดเพื่อแปลความหมายของคำซึ่งพูดกันอยู่ในชั้นสวรรค์คือ
ภาษาซึ่งเทวดาและพระผู้เป็นเจ้าสื่อสารถึงกัน
อดัม ซาฟี
อัลลา
พูดภาษาเดียวกันในสวรรค์
อดัมและอีฟร์จึงเข้ามาสู่โลกและตั้งถิ่นฐานอยู่ในอาราเบียหรืออาหรับ
บุตรหลานของเขาก็พูดภาษาเดียวกัน
และแล้วลูกหลานของอดัมก็ได้แผ่ขยายไปทั่วโลกภาษานี้ได้สืบทอดมาจากอาราบิก
เปอร์เชี่ยน ลาติน
และ เข้าสู่ภาษาอังกฤษ
และพระผู้เป็นเจ้ารู้และทราบโดยนามที่มีความแตกต่างกันในหลายๆ
ภาษาเช่น อดัมอาศัยอยู่ในอาราเบีย
และมีการพูดหลายๆ
คำ ของภาษาเซมิติก
ซึ่งยังคงพบอยู่ในภาษาอาหรับ
พระผู้เป็นเจ้าได้สื่อสารกับประกาศกอดัมเสมือนเป็น
อดัม ซาฟี
อัลลาร์,
นอร์อาร์
เสมือนเป็น
นุก นาร์บี
อัลลาร์
อับบราฮัม เปรียบเสมือนเป็นอิบบราฮิม
อาลี อัลลาร์ โมเสส
เปรียบเสมือนเป็น
มูซ่า คาริม
อัลลาร์
เยซูเปรียบเสมือนเป็น
อี ซา
ฮู อัลลาร์ และโมฮัมเหม็ดเปรียบเสมือนเป็น ลาซูล
อัลลาร์
ชื่อทั้งหมดบนตารางก่อนการมาถึงของศาสดาทั้งหลาย
และนี่คือเหตุผลว่าทำไม
ประกาศกจึงกล่าวว่า
ฉันเป็นประกาศก ก่อนที่จะมาสู่โลกนี้เสียอีก
ประชาชนหลายคนเชื่อว่าคำว่า
อัลลาร์นั้นก็คือ ชื่อที่ให้ไว้โดยชาวมุสลิม
ซึ่งจริงๆ
แล้วมิได้เป็นเช่นนั้น
ชื่อบิดาของประกาศกโมฮัมเหม็ดก็คือ
อัลดุลย์ อัลลาร์
และ ณ
เวลาที่ศาสนาอิสลามยังไม่ได้ก่อตัวขึ้นก่อนการมาถึงของศาสนาอิสลาม
ซึ่งอัลลาร์ก็ถูกประกาศกพร้อมด้วยนามของทุกๆ
ประกาศก เมื่อวิญญาณได้ถูกสร้างขึ้น
ชื่อแรกในลิ้นของพวกเขาที่กล่าวก็คือ
อัลลาร์
และเมื่อจิตวิญญาณเข้าสู่ร่างกายของอดัม
ก็กล่าวว่า ยา อัลลาร์
และเพียงเมื่อเข้าสู่ร่างกายศาสนาหลายศาสนาก็เข้าใจถึงรหัสธรรมนี้และร้องเรียกชื่อนามของอัลลาร์และอีกหลายๆชื่อเนื่องจากความสงสัยซึ่งถูกตัดสิทธิ์ขาดออกจากชั่วดังกล่าว
ชื่อใดๆ
ก็ตามซึ่งถูกใช้ เมื่อพุ่งชี้หรือเน้นถึงพระผู้เป็นเจ้า ก็มีค่าควรแก่การเคารพ
ในใจความหนึ่งซึ่งมุ่งสู่พระผู้เป็นเจ้า
ผลทางด้านรหัสธรรมแห่งชื่อของพระผู้เป็นเจ้าก็ได้รับการกระทำให้เกิดความหลากหลายเนื่องจากชื่อที่มีความแตกต่างกัน
และในทุกๆ ตัวอักษรก็จะมีแต่ค่าทางด้านตัวเลข สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้เกี่ยวกับสวรรค์ และค่าทางด้านตัวเลขทั้งหมดนี้ก็จะเข้าไปมีความสัมพันธ์กับเชื้อชาติแห่งมนุษย์ทั้งหลายในบางโอกาสค่าเหล่านี้ก็มิได้สอดคล้องกันกับการคำนวนทางด้านดาราศาสตร์
ซึ่งเป็นผลทำให้บุคคล
และกลายเป็นสิ่งที่ต้องระทมทุกข์
ประชาชนมากมายจะต้องเข้าไปหานักดาราศาสตร์และโหราศาสตร์
และผู้เชี่ยวชาญในความรู้ทางด้านนี้
เพื่อที่จะได้วางแผนตระเตรียมดูเกี่ยวกับดวงโชคชะตาตามดวงดาว
พวกเขาได้ให้ชื่อเด็กๆ
ตามหลักเกณฑ์นี้ก็คือ
ตั้งชื่อตามดวงดาว
เหมือนกับตัวอักษร เช่น เอ, บี, เจ, ดี (1, 2, 3, 4) เมื่อเติมคุณค่าทางตัวเลขถึง 10 เข้าไปในทำนองเดียวกันทุกๆ ชื่อก็จะมีคุณค่าทางตัวเลขซึ่งทางแยกออกจากกัน การที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้ได้รับการขนานนามในหลายๆ ชื่อ ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งกันระหว่างค่าทางตัวเลขของ
ชื่อที่มีความแตกต่างกันและถ้าประชากรทั้งหมดเรียกพระองค์โดยชื่อเดียกันทั้งๆที่พวกเขาเหล่านั้นก็อาจจะมีศาสนาที่แตกต่างกันไป
พวกเขาทั้งหมดนี้อาจจะอยู่ร่วมกัน
ภายในได้ ภายในได้และก็สามารถทำได้ด้วยเหมือนกับ นานัค
ซาฮิด
และ บาบา
ฟาริด
ซึ่งจะกล่าวว่า
ดวงวิญญาณทั้งหมดได้รับการสร้างขึ้นโดยลำแสงแห่งพระผู้เป็นเจ้าแม้ว่าสิ่งแวดล้อมของพวกเขาและถิ่นที่อยู่จะแยกห่างออกจากัน
เทวดาต่างๆ ได้รับมอบหมายงานในโลก และก็ได้รับการสั่งสอน ในเรื่องเกี่ยวกับภาษาของโลกเป็นสิ่งสำคัญที่บุคคล ประชาชนของประกาศกต่างๆ ซึ่งพวกเขาได้เอ่ยนาม ได้ท่อง ได้ร้องเพลงสวดและก็ยืนยันถึง หน้าที่ของประกาศกต่างๆ ซึ่งได้รับอนุญาตจากพระผู้เป็นเจ้า สืบทอดไปยังประกาศก ณ เวลานี้ และเพื่อจะเข้าใจสิ่งนี้ได้ดี การหรรษทานและการชำระล้างประชาชนให้เกิดความบริสุทธิ์สะอาด การท่องสวดและการยืนยัน ควรจะเป็นในลักษณะเดียวกัน และภาษาของประกาศกเหล่านี้ด้วย รายการต่างๆ ของบุคคลต่างๆ ในศาสนาใดๆ ก็ตามจำต้องเป็นไปตามเงื่อนไขซึ่งบุคคลนั้นยอมรับและยึดมั่นถึงหน้าที่และตำแหน่งของประกาศกของศาสนานั้น เหมือนกับเป็นข้อยืนยันและเป็นการสาบานตนที่มีเงื่อนไขของการสมรสต่างๆ รายละเอียดต่างๆ
ในสรวงสวรรค์นี้ก็ได้ทำเป็นรายการขั้นตอนตามการยอมรับและการยืนยันของผู้ซึ่งเป็นประกาศกต่างๆ
ในโลกตะวันตก มุสลิม
และคริสเตียนนั้น
ก็ไม่ได้ทราบถึงตำแหน่งหน้าที่ของประกาศกและยิ่งไปกว่านั้นหลายๆ
คนก็ยังไม่รู้ว่า ประกาศกดั้งเดิมของพวกเขานั้นชื่ออะไร
(ในภาษาดั้งเดิมของประกาศก)
บุคคลผู้ซึ่งได้เอ่ยนาม
ให้การยืนยันถึงภาระกิจหน้าที่ของประกาศกนั้นมีความเชื่อมั่นอย่างมากในการกระทำดี
แต่บุคคลซึ่งปฏิเสธและไม่ยอมรับภารกิจและหน้าที่ของประกาศกนั้นจะถูกปฏิเสธให้เข้าในสรวงสวรรค์
บุคคลต่างๆ ซึ่งหัวใจของเขานั้นยังคงยืนยันและเชื่อมั่นในประกาศก
จะได้สืบทอดหรือเข้าสู่สรวงสวรรค์
โดยมิต้องรับผิดชอบใดๆ
พระคัมภีร์แห่งสวรรค์ที่เปิดเผยนั้น
ซึ่งเป็นภาษาใดก็ตาม
จะคงมีอยู่ตราบเท่าที่คัมภีร์เหล่านั้นอยู่ในรูปแบบต้นฉบับและเป็นความหมายที่ต้องค้นพบโดยพระผู้เป็นเจ้า
ขณะที่เนื้อหาและการแปลความได้ผิดพลิ้วไป เปรียบเสมือนกับข้าวสาลี
ซึ่งไม่บริสุทธิ์และอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้เมื่อรับประทานเข้าไปหนังสือซึ่งได้รับการแปลความหมายที่ผิดเพี้ยนไปก็อาจจะเป็นอันตราย
และก็บุคคลซึ่งอยู่ในศาสนาเดียวกันและมีประกาศกองค์เดียวกันก็อาจจะแยกออกได้หลายนิกายเช่นกัน
ช่วงเวลาก่อนประวัติศาสตร์นั้น
เมื่อนำหินมาถูเข้าด้วยกันก็จะก่อให้เกิดเป็นไปและด้วยเหตุที่การเกิดประจุไฟก็สามารถที่จะทำให้เกิดขึ้นได้โดยการขัดวัสถุที่เป็นโลหะ
2 ชิ้น เข้าด้วยกันในลักษณะเดียวกันของการเกิดกระแสไฟฟ้า
ชื่อสร้างขึ้นจากน้ำและในแบบเดียวกันก็คือการขัดสีของเลือดภายในร่างกายมนุษย์
ในอีกใจความหนึ่งก็คือว่า
พลังงานที่เป็นไฟฟ้านั้นถูกผลิตขึ้นโดย
แรงสั่นหรือการกระตุ้นของหัวใจและมนุษย์ทุกคน
ขึ้นจะมีอยู่ประมาณ
1 โวลต์ครึ่งโดยปริมาณ
ของกระแสไฟฟ้าเนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในขณะซึ่งหัวใจเต้นช้าๆ
เมื่ออายุเพิ่มขึ้นพลังงานไฟฟ้าในร่างกายก็จะลดลงและในทางกลับกันก็จะก่อให้เกิดการลดพลังงานตามลำดับของร่างกาย
ในอันดับแรกของการเต้นของหัวใจนั้นจะต้องมีอาการสั่นและมีการกำหนดที่แน่นอนบางครั้งก็อาจจะโดยการเต้นรำ
โดยการเล่นกีฬาออกกำลังกาย
หรือบุคคลซึ่ง พยายามจะทำสิ่งนี้โดยการรำพึงภาวนาและสวดเพลงอัลลาร์ถึงพระผู้เป็นเจ้า
เมื่อมีการเต้นของหัวใจ กลายเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวได้และถูกกำหนดไว้คำนั้นการเอ่ยนามสวดอัลลาร์ก็จำเป็นจะต้องมาสังเคราะห์เกิดการสังเคราะห์ขึ้นเมื่อทุกๆ ครั้งที่หัวใจได้มีการเต้นก็พยายามที่จะสมานค่าอัลลาร์ในทางสั่งไปสั่งมา ขณะซึ่งหัวใจเต้น หนึ่งครั้งและ ฮู (Hu) พร้อมกับอีกอันหนึ่งบางครั้งโดยการวางมือไว้บนหัวใจและเมื่อคุณรู้สึกว่าหัวใจเต้นอีกครั้ง หนึ่งพยายามที่จะสมานชื่อหรือประสานชื่อของพระอัลลาร์โดยการสวดร้องเพลงพร้อมกกับการเต้นจังหวะของหัวใจและให้จินตนาการถึงชื่อของพระอัลลาร์
กำลังเข้าสู่หัวใจของเรา
การร้องเพลงอัลลาร์
ฮู ก็เป็นสิ่งที่ดีกว่า
และจะได้ผลมากแต่ว่าถ้าทุกๆ
คนนั้นมีข้อคัดค้านหรือปฏิเสธ
หรือกลัวการร้องเพลงหรือเอ่อชื่อ
ฮู แทนที่คนหนึ่งจะถูกตัดออกไป
บุคคลผู้นั้นก็ควรที่จะใช้ชื่อของพระอัลลาร์แต่เพียงผู้เดียว
โดยเฉพาะแล้วก็เอ่ยนามในการสวดมนต์ก็ซ้ำไปซ้ำมาก็จะเกิดประโยชน์แก่บุคคลเหล่านั้นผู้ซึ่งสวดและปฏิบัติตามกฏเหล่านี้และบุคคลที่อ่าน
มัลตรา ก็จะทำให้ร่างกายของเขานั้นคงความสะอาดแล้วก็ผ่องใส
มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
บุคคลที่ไม่มีความเชื่อก็จะไม่ประสบความสำเร็จ
วิธีที่ 1
ในการให้แสงสว่าง
ให้เขียนคำว่า
อัลลาร์
บนกระดาษสีดำ ด้วยหมึกดำ
และก็ให้ทำอย่างนี้เท่าที่คุณจะพอใจ
ประจำวันทุกวันหลังจากนั้นไม่นาน
คำว่า อัลลาร์
ก็จะถูกสืบทอดจากกระดาษและก็เข้าไปสู่ดวงตาของคุณพร้อมกับการมุ่งสมาธิไปยังจุดจุดเดียวและพยายามที่จะสืบทอดจากสายตาไปสู่หัวใจ
วิธีที่ 2 ของการให้แสงส่องทาง
เขียนชื่อ อัลลาร์ บนหลอดไฟที่ไม่มีวัตน์ในสีเหลืองขณะที่คุณกำลังตื่นอยู่และเพียงก่อนนอนให้สมาธิและพยายามที่จะรับเข้าไปสู่ดวงตา สิ่งที่ปรากฏเข้าไปสู่ดวงตาและพยายามที่จะสืบทอดไปยังหัวใจ
วิธีนี้ก็เพื่อบุคคลเหล่านั้นก็สามารถที่จะมีตัวชี้นำด้านจิตวิญญาณที่เหมาะสมและมีครูและบุคคลซึ่งจะต้องมีความเชื่อเกี่ยวพันทางด้านจิตใจก็จะได้รับการช่วยเหลือทางด้านชุดภายในโดยสิ่งเหล่านั้น
ให้นั่งคนเดียวและจินตนาการว่านิ้วชี้นั้นเป็นปากกาและใช้สมาธิและนิ้วชี้ของคุณพยายามที่จะเขียนคำว่าอัลลาร์ พยายามเรียกผู้ซึ่งแนะแนวทางแห่งชีวิตภายใจและดังนั้นเขาก็อาจจะถือ และยกนิ้วมือของคุณขึ้นมาและเขียนคำว่า อัลลาร์ บนหัวใจของคุณ และคงเขียนและทำเช่นนี้ต่อไปทุกๆ วันจนกระทั่งคุณเห็นคำว่า อัลลาร์ เขียนอยู่บนหัวใจของคุณ
โดยวิธีการแรกและวิธีการที่ 2 ชื่อของ อัลลาร์ ก็จะกลายเป็นสิ่งที่จารึกอยู่บนหัวใจของคุณ เพียงมันจะได้ถูกเขียนหรือถูกพบเห็นโดยคุณ แต่ว่าเมื่อกลายเป็นสิ่งซึ่งสมานหรือสังเคราะห์ไปในการเต้นของหัวใจไปแล้ว ดังนั้นมันจะค่อยๆ เริ่มที่จะส่องแสงประกายขึ้น และวิธีการสังเคราะห์แบบนี้ก็เป็นความช่วยเหลือของผู้ชี้นำด้านชุดภายในซึ่งจะจัดเสนอให้ และด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เองจึงสามารถเห็นแสงส่องสว่าง และสิ่งที่เขียนอย่าง แจ่มชัดบนหัวใจด้านขวาจากการเริ่มต้น
ประกาศกหลายๆ คนและนักบุญก็เข้ามาสู่โลกนี้เพียงเพื่อการทดสอบสิ่งนี้แต่เพียงเท่านั้นและถ้าคุณรู้สึกเหมาะสมและมีสมาธิให้เรียกสิ่งเหล่านั้นกลับคืนมาเมื่อคุณฝึกทำสมาธิในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่กำลังมุ่งสมาธิสู่ประกาศกหรือนักบุญในระหว่างการรำพึงภาวนานั้นจังหวะของหัวใจก็จะเต้นเพิ่มขึ้น การเคลื่อนไหวนั้นหรือมิฉะนั้นคุณก็จะรู้สึกว่าจะมีการปรับปรุงบางอย่างให้ดีขึ้นและนี่ก็คือวิธีการซึ่งชีวิตของคุณ (ผลิตผลแห่งจิตวิญญาณ) จะอยู่กับประกาศกหรือนักบุญเหล่านั้น
หลังจากนั้นก็จะได้รับประโยชน์จากการทำสมาธิเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าวนั้น เมื่อใดก็ตามที่คุณปฏิบัติธรรมรำพึงภาวนาเสมือนเป็นฑัณสทานแห่งจิตวิญญาณที่สืบทอดมาโดยวิธีการดังกล่าวนี้ เพราะว่านักบุญทุกคนนั้นก็มีจิตใจที่เชื่อมต่อติดกันกับประกาศกหรือแม้แต่ว่าถ้าประกาศกนั้นมิได้มีชีวิตอยู่แล้วในปัจจุบัน
ผลพวงแห่งจิตวิญญาณ (หรรษทาน)
ของบุคคลซึ่งได้รับการส่องสว่างและอยู่ในมือของนักบุญคนหนึ่งหรืออีกคนหนึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่นักบุญดังกล่าวนั้นยังจะต้องมีชีวิตอยู่
บางครั้งบุคคลที่โชคดีก็จะได้รับพรซึ่งเป็นฑัณสทานทางจิตวิญญาณของสวรรค์โดยนักบุญผู้ซึ่งมีคุณธรรมสูงส่งบุคคลซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว
แต่ว่าเป็นสิ่งที่หายาก
อย่างไรก็ตามนักบุญต่างๆ
ซึ่งมิได้มีชีวิตอยู่
ในเขตซึ่งมนุษย์อาศัยอยู่นั้นสามารถที่จะให้หรรษทานแห่งจิตวิญญาณในทางโลกได้
และความช่วยเหลือบุคคลต่างๆ
จากที่ฝังศพของท่าน
สิ่งนี้เรารู้จักกันดีเสมือนเป็น
โอวายซิ หรือเป็น
หรรษทานทางจิตใจที่เรียกว่า
โอวายซิ
(ผู้รับหรรษทานทางจิตโดยบ่อยครั้ง จะมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องของจิตวิญญาณมีภาพและความฝันเพราะว่าตัวชี้นำทางจิตวิญญาณนั้นจะก่อให้เกิดความช่วยเหลือในบริเวณของหรืออาณาเขตของจิตวิญญาณและดังนั้นก็เหมือนกับในทำนองเดียวกันของซาตานและการรับรู้ซึ่งจะก่อให้เกิดความยากลำบากขึ้นเป็นสองเท่า
ตามฑัณสทานของจิตวิญญาณนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับความรู้ซึ่งนักบุญซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่นั้น จะมีคุณสมบัติซึ่งเหมาะสมกว่า และถ้าบุคคลดังกล่าว (นักบุญมีฑัณสทานแห่งจิตแต่ปราศจากความรู้บุคคลนั้นก็เป็นที่ทราบดีเสมือน มาร์ท ซูป (Mazjoozob) (เสมือนแบบพระผู้เป็นเจ้าแต่เป็นลักษณะนามธรรมเนื่องจากเป็นการรับเข้าสู่สาระถะของพระผู้เป็นเจ้าแบบสมบูรณ์และเป็นผู้คนซึ่งมิได้อยู่ภายใต้การควบคุมของพลังของพระองค์)
บุคคลคนหนึ่ง (นักบุญ) อาจจะมีหรรษทานทางจิตวิญญาณความรู้เป็นที่ทราบกันเสมือน เมบูบ (Mehboob)(ในเชิงตัวอักษรแล้วแปลว่า ผู้ซึ่งได้รับความรัก) บุคคลดังกล่าวนั้น (นักบุญ) เป็นผลสืบเนื่องมาจากความรู้ของเขาที่ให้แก่ความช่วยเหลือจิตวิญญาณทางโลกและก็ผลดีและฑัณสทานทางด้านจิตวิญญาณโดยเหตุที่ มาส์ส ซูป เป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลายในการที่จะช่วยเหลือแล้ว และจะให้ความช่วยเหลือทางจิตแก่ประชาชนโดยปกติแต่ว่าวิธีการปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับของการตะโกนด้วยคำหยาบช้า และการตีคนด้วยไม้เท้า
ถ้ามี (ประกาศกหรือนักบุญ ) ปรากฏทั่วขึ้นแต่ว่าไม่ได้ช่วยเหลือหรือให้ความช่วยเหลือดังกล่าวนั้น ต้องให้ท่านโกรา ฮาชิ ทำการทดสอบ
คุณอาจจะเป็นผู้ถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งไม่มีเงื่อนไขในเรื่องเกี่ยวกับตัวบุคคลและก็ไม่ใช่เป็นเรื่องของโชคชะตาที่ประสบกับเคราะห์กรรมตลอดนิรันดร
คนหลายๆ
คนได้รับหรรษทานทางจิต
คาล์ป ในการรำพึงภาวนาจากดวงจันทร์
สิ่งนี้ได้รับอย่างเต็มที่เมื่อมีพระจันทร์เต็มดวงทางด้านทิศตะวันออกให้ดูพร้อมกับเพ่งสมาธิและเมื่อคุณเห็นรูปของโกรา
ฮาชิ คนนั้นก็ให้กล่าวคำว่า
อัลลาร์
อัลลาร์ อัลลาร์
3 ครั้ง
และคุณจะได้รับการอวยพรพร้อมด้วยฑัณสทานทางจิตวิญญาณหลังจากนั้นโดยที่คุณไม่ต้องกลัวสิ่งใดๆ
ทั้งสิ้นหรือพยายามปฏิบัติการรำพึงภาวนาดังกล่าวตามที่ได้อธิบายไว้ต่อไป
(ในเชิงตัวอักษรแล้วการเดินทางการทำสมาธิซึ่งจิตวิญญาณจะออกจากร่าง)
บุคคลหลายๆคนไม่ได้รับการส่องสว่างทางจิตของสถานภาพแห่งจิตวิญญาณ (ลาตา อิฟ เช็คเทียน Lataif-Shaktia
) และเมื่อได้เข้าถึงความสมบูรณ์และความดีเลิศแห่งจิตวิญญาณในการทำสมาธิพวกเขาอาจจะพลาดหรือเข้าถึงสภาพในการทำวิปัสนาหรือไม่ก็กลายเป็นเป้าหมายแห่งซาตานในการที่ซาตานจะเข้ามาแทรกแซง รูปแบบของการทำสมาธินี้สำหรับคนที่ได้รับการส่องสว่างจิตวิญญาณของเขา ของตนเองก็จะได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์ และคาล์ป
ก็จะได้รับการชำระล้างให้สะอาดบริสุทธิ์ มีการฝึกปฏิบัติหรือความพยายามในลักษณะนี้ในการทำสมาธิแต่ก็ดูเป็นสิ่งงมงายมันไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นวิธีการแบบใดในการสักการะในทางกายภาพที่จะถูกใช้ในการบรรลุเป้าหมายนี้ในการที่จะรวบรวมความเข้มแข็งของจิตวิญญาณและสถานภาพแห่งจิตวิญญาณและผู้ที่เดินทางสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่หนึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นการทำสมาธิ
ความเป็นนักบุญก็คือ หนึ่งในสี่สิบส่วนในความเป็นประกาศก
ทุกความฝันการเดินทางในทางสมาธิ แรงบันดาลใจ การเปิดเผยรหัสธรรมของประกาศกเป็นสิ่งที่ถูกต้องแท้จริงและมิจำเป็นต้องได้รับการพิสูจน์เพียงความฝันสี่สิบครั้งจากความฝันเป็นร้อยๆ ครั้งหรือการเดินทางในช่วยการทำสมาธิหรือแรงบันดาลใจและการเปิดเผยรหัสธรรมต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องและก็ยังมีผลคงอยู่อีกถึงร้อยละ60 ที่มีความแน่นอนและถูกต้อง
พระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถที่จะเข้าใจได้โดยปราศจากความรู้ที่ถูกต้อง
รูปแบบต่ำสุดของการมีประสบการณ์ทางจิตก็จะเริ่มขึ้นเพียงหลังจากที่มีการส่องสว่างและอยู่ในสภาพของผู้ตื่นของจิตวิญญาณของคาร์ฟ สิ่งนี้ไม่สามารถที่จะเกิดได้โดยปราศจากการบรรลุถึงหรือการเข้าถึง
การทำสมาธิของคาล์ป (การทำสมาธิพร้อมกับการมีหัวใจที่เต้นไปและก็สมานพร้อมกับชื่อของอัลลาร์ ) มันไม่ใช่เป็นสิ่งตลกหรือเป็นสิ่งที่จะต้องกลัวที่จะนำบุคคลหนึ่งออกจากช่วงของการทำสมาธิ และกลับสู่สภาพสัมปชัญญะ สมรรถภาพของการพูดให้เกิดการผ่อนคลาย (เป็นการบอกล่วงหน้าในอนาคตโดยอ่านถ้อยคำหรือมองดูหนังสือที่เรากำหนดไว้) และมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ คาล์ป ในสภาพต่อไปประสบการณ์ในการทำสมาธิทางจิตของวิญญาณก็จะต้องใช้การสั่นทั้ง 3 รอบ ในการกลับเข้าสู่ปกติจากสภาพการทำสมาธิ สภาพที่ 3 ของประสบการณ์ในการทำสมาธิจะกระทำไปโดยสภาพของจิตวิญญาณแอนนาและวิญญาณพร้อมกันวิญญาณจะเดินทางตามสถานภาพจิตวิญญาณของแอนนาและเข้าไปสู่ดินแดนแห่งจิตวิญญาณเพียงเพื่อเทวดาองค์ใหญ่ เกน ดริล ก็จะตามไปด้วย ประกาศกโมฮัมเหม็ด และก็ไปยังดินแดนของจิตวิญญาณต่างๆ
ประชาชนผู้ซึ่งอยู่ในสภาพการนับถือศาสนาบางครั้งก็จะถูกนำไปฝัง ในหลุมศพและพวกเขาก็ไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนี้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา กับสภาพการทำสมาธิดังกล่าวหรือการเดินทางทางจิตต่างๆ นั้นถูกนำไปโดย ผู้ร่วมเดินทางแห่งถ้ำซึ่งเป็นผลที่พวกเขายังคงอยู่ในสภาพของการหลับ อยู่ในถ้ำมากกว่า 300 ปี
เมื่ออยู่ในสภาพวิปัสสนาและประสบการณ์ดังกล่าวนี้ก็จะถูกนำทางไปโดย ไช้ค อับดุล คาดี อาล จิลานี ในป่าใหญ่ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในป่าก็จะเห็นว่า ไช้ค เป็นสิ่งที่ตายไปแล้วและอาจจะนำเขาไปสู่หลุมฝังศพเพื่อฝังแต่ทางประสบการณ์ของการทำสมาธิดังกล่าว ก็อาจจะหยุดลงเพียงก่อนถึงการฝัง (ไช้ค อาจจะกลับสู่สภาพสัมปชัญญะ)
วิธีที่จะยอมรับการดลบันดาลใจและการเปิดเผยรหัสธรรมของพระผู้เป็นเจ้า
เมื่อบุคคลอยู่ในสภาพตื่นและได้รับการส่องสว่าง สถานภาพทางจิตวิญญาณของเขาที่ทรวงอกก็จะมีคุณค่าพอที่จะรับแสงฑัณสทานของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้น ณ จุดพระผู้เป็นเจ้าได้สื่อสารกับเขา พระผู้เป็นเจ้าก็จะทรงพลังทั้งหมดและสามารถที่จะกระทำให้เขาขณะที่เขามีความยินดี และดังนั้นสื่อสารกับมนุษย์ในลักษณะที่เหมาะสมแต่ว่าพระองค์ก็จะมีวิธีการพิเศษสำหรับการรับรู้ ดังนั้นเพื่อนๆ ของเขาก็สามารถที่จะปลอดภัยจากการถูกหลอกลวงจากซาตาน
ประการแรกเนื้อหาในภาษาเซมิติก ที่ปรากฏอยู่ในหัวใจของผู้แสวงหาและการแปลความที่เห็นอยู่ในภาษาต่าง ๆ ของภาษาหลักของผู้แสวงหา เนื้อความเป็นสีขาวและส่องแสงเป็นประกาย และสายตาก็จะปิดด้วยตนเอง และมองไปยังเนื้อหา
(ที่อยู่ภายใน) เนื้อหาต่าง ๆ ที่ผ่านมาสู่คาล์ป และมุ่งหน้าไปสู่สถานภาพแห่งจิตวิญญาณเซอร์รี่ ซึ่งเป็นผลก่อให้เกิดการส่องประกายอย่างโชติช่วง เนื้อหาก็จะได้มุ่งเข้าสู่สถานภาพแห่งจิตวิญญาณ และอัคฟ่า และจากจุดนี้เองมันก็จะส่องสว่างมากขึ้น
และก็เคลื่อนเข้าไปสู่ลิ้นเสียง
เสียงก็จะเริ่มส่งเสียงซ้ำไปซ้ำมาอย่างเป็นธรรมชาติ
หากแรงดลบันดาลใจเหล่านี้มาจากซาตาน และหัวใจที่ได้รับส่องสว่างก็จะเป็นใบ้ไป
คือทำให้เนื้อความหรือเนื้อหาต่างๆ นั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระไป แม้ว่าถ้อยคำนั้นจะมีเป็นสิ่งซึ่งดึงดูดและมีความคงทนแต่ว่าจิตวิญญาณเซอร์รี่หรืออั๊กฟ่าก็จะทำลายเนื้อเหล่านั้นมันไป ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเนื่องมาจากความอ่อนแอของสถานภาพแห่งจิตวิญญาณ เนื้อหาที่มาถึงริมฝีปากที่จะกล่าวและแล้วเสียงก็จะป้องกันมันจากการถูกเอ่ยเอื้อนออกมาเป็นคำพูด
ประชาชนบางคนนั้นก็ได้ถูกกำหนดชะตาชีวิตเป็นนิรันดร์ให้ไปสู่นรกเป็นความพยายามซึ่งมีค่าแก่สวรรค์โดยการฝึก สักการะบูชาและการกระทำดี แต่พวกเขาอาจจะถูกปฏิเสธในที่สุด เหมือนกับเช่นซาตานเพราะว่าความชั่วร้าย ความหยิ่งยโส และความอิจฉาริษยาในทรัพย์สมบัติ
จะมีข้อความแห่งประกาศกซึ่งยังผลว่าบุคคลคนหนึ่งนั้นจะมีเพียงผลเล็กน้อยที่สุดแห่งความระทมทุกข์แห่งความอิจฉาริษยา ความเย่อหยิ่งก็ไม่สามารถเข้าสู่สวรรค์ได้
บุคคลของสวรรค์แม้ว่าถ้าพวกเขาไม่ใช่เป็นผู้เคารพสักการะบูชา ที่ได้รับการยึดถือ บุคคลดังกล่าวเหล่านั้นก็เป็นคนซึ่ง มีจิตใจผ่องแผ้วและมีความจริงใจปราศจากความปรารถนาและความโลภโมโทสันและความอิจฉาริษยาและความใจกว้าง ถ้าบุคคลดังกล่าวเหล่านั้นเป็นผู้ทำการเคารพบูชา พวกเขาสามารถที่จะเข้าสู่สถานภาพแห่งการยกขึ้นอยู่สูง และเพื่อประชาชนดังกล่าวซึ่งพระผู้เป็นเจ้าจะสร้างโอกาสและให้โอกาสในการช่วยให้หลุดพ้นเพื่อไปสวรรค์และยังมีอีกหลายๆ คนที่ยังอยู่ในระหว่างนี้ผู้ซึ่งมีบันทึกอันต่อเนื่องเกี่ยวกับการกระทำที่ดีและเลว
นอกเหนือไปจากนี้ก็จะมีบุคคลซึ่งพิเศษสำหรับพระผู้เป็นเจ้าและดวงวิญญาณเหล่านี้ซึ่งรักพระผู้เป็นเจ้า ณ การเริ่มต้นของเวลา เช่น วิญญาณที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสวรรค์หรือนรก และได้ละเว้นทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความรักของพระผู้เป็นเจ้าพร้อมด้วยระเบียบแห่งการทำสมาธิของหัวใจและฑัณสทานของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาได้ส่องสว่างดวงวิญญาณและทำให้บรรลุเป้าหมายแห่งภาพหรือเข้าใจถึงพระผู้เป็นเจ้าได้อย่าแจ่มชัด สวรรค์สูงสุด เฟอดอส Firdosจะได้รับการสงวนรักษาไว้เพื่อบุคคลดังกล่าว
ในสิ่งที่จะต้องพิจารณาถึงประชาชนเหล่านี้ว่าข้อความแห่งประกาศกได้ยืนยันถึง
จะมีคนบางกลุ่มที่จะต้องไปซึ่งสวรรค์ โดยปราศจากความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
อรรถาธิบาย บุคคลเหล่านั้นจะถูกแสดงให้เห็นถึงภาพลวงตาของโลกในระยะเริ่มต้น โลกจะถูกเขียนขึ้นเสมือนเป็น ชีวิตสุดท้ายของเขา บุคคลเหล่านี้จะเข้ามาสู่โลกและก็จะพยายามจะเข้าให้ถึงโลกแห่งวัตถุ เขาจะขโมย ปล้น ยักยอกและก็จะมองข้ามอาชญากรต่างๆไป เหมือนอย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยแบบเชือดคอ และแม้แต่ประณามพระผู้เป็นเจ้า ถึงความเป็นหนึ่งเดียวของพระองค์
มีวิญญาณบางวิญญาณอยู่ท่ามกลางบุคคลเหล่านี้ผู้ซึ่งนำศาสนามาใช้และก็สักการระบูชาเพื่อที่จะรักสวรรค์แต่สิ่งนี้ก็ปรากฏออกมาเป็นสิ่งซึ่งไร้ผล ซึ่งเหมือนในกรณีของซาตาน ซึ่งอาจจะมีบางคนซึ่งเป็นผู้ประนามพระผู้เป็นเจ้าหรือศาสนาและเป็นบุคคลผู้ซึ่งพระผู้เป็นเจ้ามิพึงประสงค์หรือนิกายซึ่งกลายเป็นสิ่งกีดขวางทางของสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ดวงวิญญาณของผู้อื่น ผู้ซึ่งเลือกสวรรค์ ณ จุดเริ่มต้นพวกเขาก็จะร้องเพลงแห่งทางโลกและก็ให้สิ่งสำคัญมากกับการใช้ชีวิตในการคาราวะบูชาและการบำเพ็ญเพียรพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจโดยสาวใช้ผู้ใจดี และสาวใช้แห่งสวรรค์ และก็สามารถที่จะวิ่งกลับไปกลับมาในสถานที่ต่างๆแห่งการคาราวะ และจะประสบความสำเร็จในการรับสวรรค์เข้าสู่ตนเอง
มีบุคคลที่อยู่ท่ามกลางรูปแบบเดิมๆ คือยังคงมีความเกียจคร้านและทัศนคติต่อการทำคาราวะบูชา และตามที่สวรรค์ได้กำหนดไว้เสมือนเป็นชะตาชีวิตของเขา ในบางโอกาสและข้อแก้ตัวก็อาจจะยกให้เขาบ้าง และพวกเขามิได้บรรลุถึงสถานภาพแห่งสวรรค์ซึ่งจะต้องได้ทำให้สำเร็จไปโดยบุคคลที่มีแต่ใจบุญเท่านั้น มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าวนั้น ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้บอกว่าสิ่งที่ทำให้คนเหล่านี้เข้าใจว่าเราจะให้พวกเขาอยู่กับผู้ใจบุญเพราะว่ามีสวรรค์ถึง 7 ชั้น
บุคคลธรรมดาจะได้รับการนำทางโดยประกาศก โดยพระคัมภีร์ โดยกูรู และโดยนักบุญต่างๆ และเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขาที่จะต้องมีศาสนาและยืนยันความเชื่อของเขาผู้ที่ได้รับยกสูงสุดขึ้นไปก็จะจัดการที่จะลงมาภายใต้ความเข้าใจอันสง่างามถึงพระผู้เป็นเจ้าโดยปราศจากศาสนาหรือคัมภีร์เล่มใด อีกใจความหมายถึงว่าสิ่งที่เป็นเครื่องนำทางเหล่านี้เป็นแสงแห่งพระผู้เป็นเจ้าและได้ถูกกำหนดเสมือนเป็นคัมภีร์ซึ่ง
บุคคลซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสรรค์ พระองค์จะนำทางและส่องสว่างให้
ในสิ่งที่กล่าวกันว่าเพื่อที่จะเข้าสู่สวรรค์นั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องยืนยันถึงความเชื่อของตนเองและพระผู้เป็นเจ้าก็ควรจะได้รับการสังเกตว่ามันมิใช่เพียงร่างกายเหล่านี้ที่จะเข้าสวรรค์แต่จะต้องถึงจิตวิญญาณที่จะเข้าไปในนั้นและถ้าความเชื่อยังคงมั่นคง การเข้าของวิญญาณเหล่านี้ก็ยืนยันความเชื่อของพวกเขา ณ ระดับหนึ่งเมื่อพวกเขาเข้าถึงแว่นแคว้นแห่งความเข้าใจ หรือพวกเขาก็อาจจะทำสิ่งนี้หลังความตาย เสมือนจิตวิญญาณของบิดา มารดาของประกาศก โมฮัมเหม็ด
และลุงซึ่งได้รับอนุญาตให้ยืนยันความเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังมีดวงวิญญาณที่ได้รับการยกสูงขึ้นและมีความวิเศษมาก บุคคลซึ่งยืนยันและยอมรับความจริงในขอบเขตแห่งสวรรค์ก่อนที่จะมาสู่โลก
ประกาศก โมฮัมเหม็ด ได้ระบุว่าเขาเป็นประกาศกเพียงก่อนที่จะมาสู่โลกนี้เสียอีก สิ่งเหล่านี้ก็เป็นคำพูดของวิญญาณของประกาศก โมฮัมเหม็ด และก็สามารถที่จะสืบทอดไปยังดวงวิญญาณต่างๆ ณ เวลาซึ่งร่างกายได้ถูกมอบให้แก่ประกาศก โมฮัมเหม็ด เพียงหลังจากซึ่งการเข้าสู่โลกกายภาพและตัวอย่างการอธิบายของสิ่งนั้นก็มีผู้นำหลายคน เพียงถ้าหากว่ามีหลายๆ ชนชาติที่จะถูกนำพาไป และมีประกาศกเพียงถ้ามีบุคคลที่มีความเชื่อ มิฉะนั้นจะไม่มีความจำเป็นสำหรับพวกเขาเลย
บุคคลดังกล่าว (นักบุญ) ได้ถูกส่งไปยังศาสนาต่างๆ ในหลายรูปแบบของ ปาปา ฟาริค และบางครั้งก็จะปรากฏตัวออกมาเป็นลักษณะของ กูรู นานัค จิตวิญญาณซึ่งมีความแสวงหาที่จะพบกับพระผู้เป็นเจ้า จะไม่มองไปที่ศาสนาเฉพาะเพียงอย่างเดียว แต่จะแสวงหาบุคคลต่างๆ ซึ่งเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้าและร่วมกับพวกเขา
เปอร์เช่ อารีชา (ชาวมุสลิม) เป็นนักบุญของอดีตซึ่งได้เขียนหนังสือเรื่อง ทัศกีรา โกเซียร์ (Tazkira Ghosia) ซึ่งได้รับหรรษทานทางจิตวิญญาณจากการบำเพ็ญเพียรในศาสนาฮินดู
นักศึกษาชาวมุสลิมผู้ซึ่งไม่สามารถจะเข้าใจถึงสิ่งนี้ที่มีความหมายหรือเกี่ยวข้องกับการประกาศถึงโทษแห่งความตายในเรื่องเกี่ยวกับ
โกเช่ อารีชาร์ นักศึกษาผู้นี้ก็ยังได้กำหนดต่อไปอีกว่า มุสลิมคนใด หรือบ้านมุสลิมคนใดมีหนังสือเหล่านี้สิ่งนั้นก็ควรจะถูกเผาหรือถูกทำลายในทันที อย่างไรก็ตาม หนังสือเหล่านี้ก็อยู่รอดมาได้และถูกค้นพบในอินเดียและปากีสถานและก็ยังคงเป็นที่เคารพต่อไป
บางชาติยอมรับประกาศกของพวกเขาและคนอื่นปฏิเสธพวกเขา พระผู้เป็นเจ้าอย่างไรก็ตามส่งผู้นำทางและนักบุญมาท่ามกลางชาติซึ่งปฏิเสธ ซึ่งเป็นบุคคลซึ่งช่วยปรับปรุงให้เข้ากับความเชื่อและระบบการยึดถือของพวกเขา ประชาชนที่ถูกส่งมาโดยพระผู้เป็นเจ้านั้นก็จะสอนพวกเขาถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่พวกเขาจะรอดจากป่า
นอกเหนือจากนี้โดยการใช้วิธีการเคารพสักการระวิถีปฏิบัติและค่านิยมต่างๆ ที่จะเป็นเครื่องนำพาไปสู่แนวทางหาพระผู้เป็นเจ้า โดยการสอนคนเหล่านี้เกี่ยวกับสันติสุขและความรักแห่งพระองค์ ถ้าบุคคลดังกล่าวนั้นมิได้มีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นในปัจจุบันศาสนาทุกศาสนาก็คงจะต้องหิวกระหายซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำการประหัตประหารซึ่งกันและกัน ดวงวิญญาณเหล่านี้ผู้ซึ่งอยู่ในโลกจะได้รับการช่วยเหลือและจะได้รับการนำพาต่างๆ โดยคิด (วิศณุมหาราช) ผู้ซึ่งรู้ถึงรหัสธรรมเกี่ยวกับศาสนาทุกศาสนา
ประชาชนดังกล่าวที่ยังคงเป็นวัตถุนิยม ระดับของความเชื่อที่มีพื้นฐานมาจากสิ่งซึ่งได้ยินและบุคคลดังกล่าวนั้นก็จะเชื่อความเชื่อที่มาจากความรู้ ความเชื่อของเขาจะพักพิงอยู่กับสิ่งที่พวกเขาได้ยินจากผู้อื่น และพวกเขาก็ยังสงสัยถึงความเป็นจริงที่ได้ถูกนำไปในทางที่ไม่ถูกต้อง บุคคลเหล่านี้ก็จะไม่ได้รับการนำพามาซึ่งหลักเกณฑ์ของสิ่งที่เขาเชื่อแต่เพียงแต่เป็นหลักเกณฑ์แห่งความพยายามว่าพวกเขาจะเสนอให้แก่พวกเขาโดยทางหนึ่งทางใดที่เป็น กฎหมายหรือไม่ชอบผิดกฎหมายหรือไม่
ความเชื่อซึ่งมีพื้นฐานมาจากวิสัยทัศน์
บุคคลดังกล่าวนั้นแม้ว่าพวกเขาจะสละสิ่งทางโลกไปแล้วแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางบุคคลต่างๆ ความรู้สึกในเรื่องของแนวทางในจิตใจที่จะมุ่งสู่พระผู้เป็นเจ้า บุคคลเหล่านั้นบ่อยครั้งจะแสดงวิสัยทัศน์หรือภาพแห่งสวรรค์ จุดยืนของพวกเขาคือว่า ความเข้าใจและความรู้สึก (ความเชื่อที่มีพื้นฐานมาจากสิ่งที่เขาเห็นและได้ประจักษ์ชัด) พวกเขาคือประชาชนผู้ซึ่งได้รับการจัดหาหลักเกณฑ์แห่งความพยายามที่ถูกต้องตามกฏหมาย พวกเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงในทางตรงกันข้าม ถ้าข้อกำหนดของพวกเขานั้นได้รับโดยวิธีการที่ไม่ถูกกฎหมาย
ความเชื่อซึ่งมีพื้นฐานมาจากประจักษ์พยานแห่งความจริง
มีโชคชะตาอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นแบบนิรันดร และประเภทที่สองเป็นแบบที่มนุษย์กำหนดขึ้น
(ที่ต้องรอคอยการมาถึง)
ประชาชนบางคนอาจจะกล่าวว่าถ้าข้อกำหนดได้ถูกเขียนและระบุเพื่อชะตากรรมทำไมจึงต้องมีการเดินทางและจะต้องมีความพยายามเพื่อจะได้มาถึงสิ่งเหล่านั้น
มัค โด อุม Makhdoum
จาฮานิย่า
ได้ระบุว่าการเดินทางแสวงหาและความพยายามที่เกิดขึ้นนั้นเพื่อที่จะได้รับข้อกำหนดของเราและจะถูกเขียนลงในชะตากรรมของเรา
ตัวอย่างเช่น (ธาตุโดยการติดสินใจชั่วนิรันกาล) ก็เปรียบเสมือนกับช่อดอกไม้ซึ่งจะถูกวางไว้สำหรับคุณบนหลังคาและเพื่อที่จะรับดอกไม้ต่างๆ คุณจะต้องขึ้นไปบนบันไดและขึ้นไปสู่หลังคา (และนี่คือสิ่งที่มนุษย์กำหนดและต้องรอคอยให้ถึงชะตากรรม)ซึ่งอยู่ภายในอำนาจของคุณเอง
มันเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กัน ในลำดับที่สองคือชะตากรรมที่จะต้องมาถึงและจะมีความรับผิดชอบและไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งซึ่งถูกระบุลงไว้ในระยะแห่งการเริ่มต้น
ประเภทที่สามของจิตวิญญาณคือบุคคลที่เลือก ไม่ทั้งทางโลก และไม่ทั้งสวรรค์ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาและเป็นบุคคลซึ่งยังคงมองภาพพระผู้เป็นเจ้าอยู่ ดวงวิญญาณเหล่านี้จะมาถึงยังโลกด้วยการเสียสละทุกสิ่งเป็นการแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า หลายๆ ดวงก็จะหยุดในอาณาจักรของพวกเขา และระหว่างที่หิวโหยและกระหายนี้ก็ยังคงจะใช้ชีวิตอยู่ในป่า เพื่อที่จะค้นพบพระผู้เป็นเจ้า และยังคงอีกหลายๆ คนที่ซึ่งนั่งรออยู่ ณ แม่น้ำหลายๆ สายและเป็นระยะเวลาหลายๆ ปี และหลังจากที่ได้พากเพียรมาเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันก็จึงเป็นที่รู้จักเสมือนเป็นเพื่อนของพระองค์ (นักบุญ) พวกเขาได้รับการมอบหมายวิญญาณที่มีความแตกต่างกัน และก็มีภาระกิจต่างๆ จากพระผู้เป็นเจ้าและก็กลายเป็นความช่วยเหลือและวิธีการของความหวังเพื่อบุคคลซึ่งได้ถูกกำหนดชะตาชีวิตไว้เพื่อมุ่งสู่นรก
เหมือนกับเป็นนักกวีที่มีชื่อเสียง อิสบาล ที่ได้กล่าวถึงในบทกวี ซอนเนท
ว่าแนวทางแห่งชะตากรรมนั้นจะถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยพระพักตร์ซึ่งเป็นเพียงพฤหัสถานของพระผู้เป็นเจ้า
มันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิญญาณที่อยู่ในโลกนี้ (บุคคลซึ่งได้ปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่งในช่วงชีวิตทุกๆ ช่วง) ได้พบกับครูผู้สอนทางด้านจิตวิญญาณ หรือ กูรู guru ในช่วงชีวิตต่างๆ ของเขาครูทางชีวิตภายในในอดีตแต่เดิมหรือครูที่กลายเป็นอิสระจากสภาพร่างกายที่เป็นวัตถุ (หยุดร่างกายทางกายภาพซึ่งพวกเขาได้เคยมีอยู่ระยะเวลาหนึ่ง)
สิ่งนี้ก็ตรงกันกับขณะซึ่งประกาศกหรือคำทำนายในอดีตที่ได้ถูกย้ายเปลี่ยนหรือยกเว้นการมาถึงของผู้บอกข่าวสารเหมือนกับประกาศกโมเสส(มูสอาร์ คาริม อัลลาร์) คือเป็นผู้นำพาข่าวสารที่ยิ่งใหญ่และก็ประกาศกทั้งหมดก็มาหลังจากโมเสส ศาสนาของพวกเขาก็ได้ถูกปิดกั้นหลังจากการมาถึงของประกาศกเยซู (อิสซารู อัลลาร์)
นอกจากนี้ประกาศกทั้งหมดที่มาถึงในช่วงระหว่างประกาศกเยซูและประกาศกโมฮัมเหม็ด ศาสนาทั้งหมดของพวกเขาก็ได้ถูกยกเลิก เนื่องจากการมาถึงของประกาศกโมฮัมเหม็ด แต่ว่าความชอบธรรมแห่งระบบของศาสนาในผู้นำพาข่าวสารผู้ยิ่งใหญ่ทุกๆ คนก็ยังคงอยู่ต่อไป และยังคงดำเนินต่อไปและยังมีอยู่จนถึงปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ก็รวมถึง อดัม ซาฟี อัลลาร์ (อดัม) อิบบราฮิม คาลี อัลลาร์ (อับบราฮัม) มูสา คาริม อัลลาร์(โมเสส)อิสซารู อัลลาร์ (เยซู) และโมฮัมเหม็ด ราซู อัลลาร์ และความเป็นนักบุญของนักบุญทุกๆ องค์ซึ่งมาจากอำนาจแห่งหรรษทาน
ขณะซึ่งสถานภาพของจิตวิญญาณภายในร่างกายของมนุษย์นั้นถูกเชื่อมต่อกับผู้นำพาข่าวสารที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 ท่าน ด้วยเหตุผลนี้เองคำพยากรณ์และคำฑัณสทานแห่งจิตวิญญาณและอำนาจก็ยังคงอยู่ถึงวันพิพากษา
เป็นที่กล่าวกันว่าบุคคลจะไม่ไปถึงสวรรค์เว้นแต่ว่าพวกเขาจะได้ยืนยันความเชื่อ สิ่งนี้ไม่ได้หมายถึงว่า ความเชื่อเฉพาะความเชื่อหนึ่งแต่หมายถึงคำยืนยัน และทุกๆ คนที่มีความเชื่อในประกาศกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายแหล่ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เองประกาศกโมฮัมเหม็ดจึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าไม่ได้มาถึงเพื่อปฏิเสธคัมภีร์ของผู้นำพาข่าวสารที่ยิ่งใหญ่แต่ข้าพเจ้ามาปรับปรุงและปฏิรูป อีกใจความหนึ่งก็หมายถึงว่าได้มาแก้ไขคัมภีร์ต่างๆ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงและได้แปลความแบบผิดๆ
ระบบความเชื่อของอดัม ซาฟี อัลลาร์ (อดัม) ที่มีอยู่จนถึงปัจจุบันนี้สำหรับบุคคลดังกล่าวเหล่านั้นผู้ซึ่งเพียงแต่ปฏิบัติรำพึงภาวนาด้านจิตใจ เป็นผู้ซึ่งได้สรรเสริญพระนามของพระผู้เป็นเจ้าและมีความอ่อนน้อม ก่อนหน้านี้มีความรู้สึกเสียใจกับบาปและพยายามที่จะปฏิบัติตัวเองให้พ้นจากบาปทั้งหลายแหล่ และก็ปฏิบัติตามสิ่งนี้ ตามต้นฉบับเดิมหรือศาสนาเริ่มแรก คำพยากรณ์เริ่มแรกและรูปแบบของการบูชา
โกเซ่ (นักบุญใหญ่ในขอบเขตแห่งมนุษย์) และในเรื่องดังกล่าวนั้นนักบุญทุกๆ องค์ก็จะเข้าเสริมหรือเป็นผู้นำโดยหนึ่งคน หรือประกาศกคนอื่นผู้ซึ่งได้หันเข้ามาสู่วิถีทางของ อดัม ซาฟี อัลลาร์(อดัม)
การคิดถึงช่วงขณะซึ่งอดัมได้เป็นต้นแบบ
มีการกล่าวอ้างว่าหนังสือที่ได้รับการดลใจเกี่ยวกับอดัมถึงหนึ่งหมื่นสี่พันเล่มได้เข้ามาสู่โลกนี้ และเป็นที่กล่าวกันว่า อดัม ซาฟี อัลลาร์ ก็เป็นบุคคลที่หนึ่งหมื่นสี่พันและเป็นบุคคลที่เป็นอันดับสุดท้ายโดยข้อเท็จจริงแล้วมีอดัมหลายคนในโลกนี้ ขณะซึ่ง ซาฟี อัลลาร์ ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากดิน เทวดาได้กล่าวว่า (ถึงพระผู้เป็นเจ้าว่า เขามีความประสงค์ที่จะไปยังโลกและสร้างความผันผวน อีกใจความหนึ่งเทวดาทั้งหลายแหล่ก็ตระหนักถึงการกระทำในอดีตของอดัม มิฉะนั้นพวกเขาก็จะต้องรู้ถึงสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากระทำและสิ่งที่อดัมได้กระทำไป
ในหนังสือนั้นก็มีการจารึกภาษาที่แตกต่างกัน การยืนยันที่มีความแตกต่างกันได้มีการประกาศและก็มี แมนทรัส ที่มีความแตกต่างกัน ชื่อแตกต่างกันของพระผู้เป็นเจ้า และก็คำพูดถ้อยคำทั้งหลายแหล่ และแม้แต่ความรู้ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับเวทมนต์ซึ่งได้ถูกสอนแก่ประชาชนโดยเทวดา ฮารูท harut และ มารูท marut
และเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษทั้งเทวดาและการแขวนห้อยลงมาในบ่อน้ำในเมืองบาบาล ในเมืองอียิปต์ ในประเทศอียิปต์ อดัมทุกๆ คนได้ถูกสอนภาษาและหลังจากนั้นประกาศกได้ถูกส่งออกมายังชาติต่างๆ ซึ่งอดัมเพื่อเป็นเครื่องในการเดินทาง และดังนั้นจึงถึงการกล่าวว่า หนึ่งแสนสองหมื่นห้าพันศาสดาได้จุติมายังโลกนี้ ด้วย อดัม ซาฟี อัลลาร์ เป็นคนสุดท้ายบนโลกนี้ เมื่อ 6,000 ปีมาแล้ว
และถ้าประกาศกถูกส่งมาได้ทุกๆ ปี ก็จะมีประกาศกถึง 6,000 องค์
บางครั้งในเวลาต่อมา เพราะว่าชาติเหล่านี้ได้บุกรุกและพวกเขาได้ถูกทำลาย หลักฐานปรากฏในเมืองโบราณต่างๆ ซึ่งปรากฏขึ้น หลักฐานของภาษาโบราณภายในเมืองเหล่านั้นซึ่งมิได้ถูกเข้าใจหรือทุกๆ คนก็มิได้เข้าใจ บางชาติก็ได้ถูกทำลายไปโดยน้ำท่วมเหมือนกับประชาชนของ นอร์อาร์ และบุคคลเหล่านั้นก็รอดชีวิต และก็ได้อาศัยอยู่ในเมืองโบราณเหล่านั้น