มีดวงวิญญาณมากมายที่ถูกสร้างขึ้นในขอบเขตแห่งสวรรค์

วิญญาณของบุคคลเหล่านั้นที่ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้ามากที่สุดก็จะอยู่ด้านหน้า เรียงแถวด้านหน้า (ต่อหน้าพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้า) วิญญาณธรรมดาก็จะถูกส่งไปยังโลกและท่ามกลางชาติต่างๆ ของ อดัม ประชากรต่างๆ ของเขาบางชาติก็จะถูกสร้างขึ้นมาจาก สีดำ จากสีขาว จากสีเหลืองและจากดินเหนียวสีแดงอื่นๆ และพวกเขาได้รับคำสั่งสอนโดยเทวดากาเบรียลและก็เทวดาต่างๆ เทวดามารุต และ ฮารุต

เมื่ออดัมถูกสร้างขึ้นโดยดินเหนียวบนแผ่นดิน มารที่เป็นซาตานก็จะได้รับโอกาศที่ดีเพื่อจะได้เข้าสู่ร่างกายของบุคคลเหล่านั้นที่มาจากอดัม และลูกหลานของคนเหล่านั้นก็จะพยายามที่จะสร้างกับดักให้กับพวกเขาเพื่อให้ซาตานหรือหมู่มารเข้ายึดครอง ประกาศกต่างๆ และนักบุญของชาติดังกล่าวนั้นพร้อมทั้งการที่ได้รับการสั่งสอนโดยพวกเขาก็จะกลายเป็นวิถีทางที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ยาก มีอดัมจำนวนนับไม่ถ้วนถูกสร้างขึ้นเป็นคู่ (พร้อมทั้งคู่ฝ่ายสุภาพสตรี) ซึ่งจากการสร้างเสริมดังกล่าวนั้นเริ่มต้นขึ้นและบั่นคลอนทั้งสุภาพสตรีก็ถูกสร้างขึ้นด้วยตนเอง (โดยปราศจากอดัม) และเธอก็จะต้องมีบุตร (ตามแนวทาง) ให้เป็นไปตามคำสั่งหรือคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าให้เป็น

ประชาชนเหล่านี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ในโลกและเพียงสุภาพสตรีก็จะเป็นผู้นำของกลุ่มและพวกเขาก็จะเป็นลูกหลานของสุภาพสตรีเพียงเท่านั้น พวกเขาเชื่อว่าด้วยเหตุผลดังกล่าวนั้นพระผู้เป็นเจ้าเป็นเพศสตรี พวกเขายังเชื่อต่อไปอีกว่าพวกเขาเป็นลูกๆ ของเทวดา เสมือนเป็นเพศสตรีเช่นเดียวกัน อดัมได้ก่อนให้เกิดบุตรหลานมากมายโดยปราศจากผู้ชาย ประเภทนี้ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้ ท่ามกลางสุภาพสตรีต่างๆ ในหมู่ชนเหล่านี้ก็จะให้กำเนิดแก่เด็กโดยทุกๆ คนและต่อมาก็สมรสกับบุคคลอื่นๆ และไม่ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดปกติ

การตัดสินใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยจิตวิญญาณ ชะตากรรมและก็สถานภาพทางจิตวิญญาณ ก็อาจจะกำหนดรูปแบบของอดัมต่างๆ ซึ่งจะถูกส่งไปเป็นวิญญาณที่เหมือนกันและก็จะสืบทอด (ครั้งหนึ่งเมื่อ อดัมเหล่านี้ได้ถูกส่งมา) นี่คือเหตุผลว่าไม่มีศาสนาพิเศษที่จะถูกสร้างตนสร้างขึ้นสำหรับวิญญาณต่างๆ และนี่ก็คือเหตุผลซึ่งเมื่อประกาศกถูกส่งมาท่ามกลางพวกเขา คนจำนวนไม่มากนักจะยอมรับพวกเขา พวกเขาก็ได้ทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ประกาศกได้สอนและแทนที่จะเคารพบูชา บูชาพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาก็เคารพดวงจันทร์ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ ต้นไม้ ไฟ และก็เริ่มที่จะเคารพงู

สุดท้ายอดัม ซาฟี อัลลาร์ ก็ถูกสร้างขึ้นในสวรรค์ ซึ่งเป็นดินซึ่งมาจากสวรรค์เพื่อที่ว่าเขาจะสามารถหลุดพ้นขึ้นอยู่ในจุดสูงสุดและเด่นสง่า (อดัมคนเดิม)อยู่ในความดีเยี่ยม อยู่ในความสมบูรณ์และได้รับการปกป้องจากสถานภาพจิตวิญญาณที่เป็นมารร้าย และสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถที่จะเข้าสู่สวรรค์ได้

ซาตานมาจากกลุ่มคนที่เป็นมารร้ายก็เป็นที่รู้กันเนื่องจากความรู้อันมากมายและสิ่งที่เนื่องมาจากการคาราวะบูชาอย่างล้นพ้นเขาจึงกลายเป็นผู้นำเทวดา เขาได้เคาะร่างมนุษย์ของอดัมออกจากความอิจฉาริษยา ด้วยเหตุผลดังกล่าวนั้นแบคทีเรียซึ่งเป็นรูปแบบของซาตาน มีลักษณะเป็นน้ำลายเข้าสู่ร่างกายของอดัมซึ่งรู้ในฐานะที่เป็น นาฟ nafs เป็นจิตวิญญาณแห่งตนเอง (อัตตา) ซึ่งเมื่อได้รับสิ่งดังกล่าวเข้ามาโดยบุตรหลานของอดัมก็จะมีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องนี้ซึ่งประกาศกโมฮัมเหม็ดได้กล่าวว่า มนุษย์เกิดขึ้นมา ซาตานนี้ก็เกิดขึ้นมาพร้อมกับมนุษย์เหมือนกัน

มีความแตกต่างกันระหว่าง เทวดา และเทวดาใหญ่

ในขอบเขตของเทวดาดวงดาวจะมีอยู่ซึ่งจะถูกสร้างขึ้นมา เวลาแห่งดวงวิญญาณสถานภาพแห่งจิตวิญญาณซึ่งอยู่ในขอบเขตอันสูงกว่าถัดออกจากบริเวณดังกล่าวไป ขอบเขตแห่งวิญญาณเป็นที่ทราบกันเสมือนเป็นเทวดาใหญ่ ซึ่งมีอยู่ก่อนพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าให้เป็น (เมื่อมีการสร้างเราเข้าใจว่าได้มีการสร้างขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว)

พระผู้เป็นเจ้าได้มีบัญชาว่าเทวดาใหญ่จะต้องคาราวะต่อหน้าอดัม ซาฟี อัลลาร์ ไม่มีอดัมคนไหนที่ถูกสร้างขึ้นมาก่อนนี้ และไม่มีเทวดาองค์ไหนจะคาราวะ ก่อนอดัมคนอื่นๆ อาซาซีล azazeel (ซาตาน) จะคัดค้านและปฏิเสธที่จะคาราวะดังนั้นเขาจึงถูกคำสาบและเหตุผลดังกล่าวจึงกลายเป็นศัตรูกับลูกหลานของ อดัม ซาฟี อัลลาร์

ด้วยเหตุที่ชาติต่างๆ ของไม่ได้รับทุกข์จากความเป็นศัตรูของเขา มารซาตานก็จึงพยายามที่จะล่อลวงเขาและนำพวกเขาให้หลงทางไป

ซาตานเป็นสิ่งที่มีพลังอำนาจมากที่สุด เขาพยายามที่จะล่อลวงลูกหลานของอดัม ซาฟี อัลลาร์ ในวิธีการดังกล่าวและสอนพวกเขาถึงเรื่องฆาตรกรรมดังกล่าวซึ่งด้วยเหตุผลดังกล่าวชาติอื่นๆ ต่างๆ เริ่มไม่ชอบชาติอาเซียนเหล่านี้และในตรงข้ามเหตุผลดังกล่าวนั้นด้วยความยิ่งใหญ่ของอดัม บุคคลเหล่านี้จึงได้รับการนำทางไปโดยพระผู้เป็นเจ้าและพวกเขาก็เข้าถึงพระองค์โดยวิธีการดังกล่าว และกลายเป็นผู้ที่ถูกยกสูงเหนือขึ้นไป ซึ่งทำให้คนอื่นๆ เกิดความประหลาดใจ

ความยิ่งใหญ่ของคัมภีร์แห่งสวรรค์ พระธรรมเก่า พระธรรมใหม่ หนังสือทรามของเดือนมิตร และ     ฮูหร่าน ก็ถูกเปิดเผยขึ้นท่ามกลางคนดังกล่าวเหล่านี้ และด้วยเหตุผลในการสอนนั้น หรรษทานของจิตและก็การอวยพรแห่งคัมภีร์ดังกล่าว ศาสนาในแถบเอเชียจึงแผ่ขยายไปท่ามกลางบุคคลดังกล่าวของโลก

ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ทุกศาสนาในโลกนี้ถูกก่อตั้งด้วยเหตุผลในโลกนี้ จากประกาศกต่างๆ และเมื่อก่อนหน้านี้ก็คือความรัก เป็นผู้รักและผู้ที่อันเป็นที่รัก ดวงวิญญาณต่างๆ จะมีความใกล้เคียง ความสวยงาม ความยิ่งใหญ่ และมีความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาของพระองค์ซึ่งเป็นความรักของพระผู้เป็นเจ้าขณะที่พวกเขาซึ่งมาสู่โลกนี้ พวกเขาก็เสียสละชีวิตของตนเอง และแขนขา เพื่อที่จะค้นพบพระผู้เป็นเจ้า สิ่งเหล่านี้นับเป็นอันดับแรกที่จะถูกจำกัดเพื่อทำให้เกิดความพึงพอใจ

 

ในปัจจุบันโดยผ่านการมีอยู่ของจิตวิญญาณจึงเข้าถึงบุคคลธรรมดา

ข้อความแห่งประกาศก เพื่อนเดินทางของประกาศกโมฮัมเหม็ดได้ยืนยันว่า

เขาได้รับความรู้สองแบบจากประกาศกโมฮัมเหม็ด

เขาได้บอกกับคนเกี่ยวกับหนึ่ง สิ่งเหล่านั้นและถ้าฉันจะบอกคุณเกี่ยวกับอีกสิ่งหนึ่งคุณก็จะต้องฆ่าฉัน

เมื่อนักบุญ ชาชามัส หยิบหนังสือที่แห้งออกจากบ่อน้ำ (เต็มไปด้วยน้ำ)

นักบุญ อิสตันบูล มัลลาน่า รูมี่ ก็กล่าวว่า

สิ่งนี้คืออะไร

ชาชามัส ก็ตอบว่า

นี่คือความรู้ซึ่งคุณรู้ ซึ่งคุณไม่รู้

ขณะที่โมเสสได้ถามพระผู้เป็นเจ้า

และมีความรู้อื่นๆ อีกไหม

พระผู้เป็นเจ้าตอบ

ให้ไปที่ คิดร์ khidr

(เป็นรูปแบบที่ลี้ลับและเป็นของความลึกลับแห่งความรู้ทางด้านจิตวิญญาณ)

การสวดภาวนาของผู้คาราวะพระผู้เป็นเจ้าทุกๆ องค์

พระผู้เป็นเจ้าแสดงให้เห็นโดยตรงถึงทางที่ได้รับการส่องสว่าง

หนทางเหล่านั้นซึ่งคุณจะได้รับความชื่นชม

นักกวี อิคบาล ได้ระบุว่า

ใครคือนักศึกษาที่น่าสมเพศ ที่รู้เรื่องนี้

วิญญาณต่างๆ นั้นได้รับการยกระดับขึ้นไปจากการเริ่มต้นของเวลา วิญญาณที่พระผู้เป็นเจ้ารักและวิญญาณต่างที่รักพระผู้เป็นเจ้าได้สรรเสริญพระองค์และก็ร้องเพลงในนามของพระองค์และเมื่อพวกเขามายังโลก ตัวอย่างเช่น เยซูก็ได้พูดในขณะซึ่งยังอยู่ในวัยเยาว์แล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้าเป็นประกาศกแม้ว่า   กาเบรียลจะได้นำข่าวสารอันน่าปลาบปลื้มก่อนการกำเนิดก็ตาม

ในเรื่องเกี่ยวกับโมเสสฟาร์โรก็ได้มีความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการพยากรณ์ว่า เด็กคนหนึ่งซึ่งจะเกิดมาในพวกชนเหล่านี้ บุคคลซึ่งเป็นต้นเหตุของการทำลายล้าง และเขา (เด็กคนนั้น ) ก็จะเป็นมนุษย์ที่ได้รับการยกย่องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ประกาศกโมฮัมเหม็ดก็ได้กล่าวว่า ข้าพเจ้าเป็นประกาศกและก่อนที่จะมีถึงโลกนี้ด้วยซ้ำ

 

มีดวงวิญญาณมากมายที่อยู่นิรันกาลและเป็นที่รัก
และมีอยู่ในหลายๆ
ศาสนาในลักษณะที่แตกต่างกันไป

  ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ (สิ้นสุดโลก)

 

ข้าพเจ้าจะส่งวิญญาณพิเศษมายังโลกผู้ซึ่งจะแสวงหาวิญญาณเหล่านี้และรวบรวมพร้อมด้วยกันทั้งหมดและก็ให้เตือนพวกเขาว่า พวกเขาครั้งหนึ่งนั้นเคยรักพระองค์และไม่สำคัญว่าวิญญาณเหล่านี้จะเป็นในรูปแบบศาสนาหรือมิใช่ศาสนาก็ตามที่พวกเขาอยู่จะต้องยอมรับและยืนยันถึงการเรียกและการรวบรวมเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า

พระองค์จะอนุญาตให้วิญญาณเหล่านี้มีความพิเศษในชื่อของพระองค์ซึ่งจะต้องเดินทางจากสถานภาพอันเป็นจิตวิญญาณคาล์ฟ ไปยังวิญญาณและวิญญาณก็จะสวดรำพึงภาวนาในนามของพระผู้เป็นเจ้า

ชื่อก็จะบังเกิดขึ้นเป็นจิตวิญญาณของพลังงานใหม่และเป็นความรักใหม่ และพร้อมกับเป็นแสงส่องทางและเชื่อมสัมพันธ์กับพระองค์

 

การรำพึงภาวนาของคาล์ป เป็นหนทางที่จะบรรลุถึงการรำพึงภาวนาของวิญญาณ

เหมือนกับการรำพึงภาวนาและการบำเพ็ญเพียรก็เป็นวิถีทางมุ่งสู่การรำพึงภาวนาของคาล์ป (Qalb) ครั้งหนึ่งเมื่อวิญญาณของบุคคลได้เริ่มที่จะรำพึงภาวนาและสวดในนามของพระผู้เป็นเจ้า บุคคลคนนั้นก็จะมาจากรูปแบบของประชาคนผู้ซึ่งจะไม่มีความกลัวในเรื่องของการพิพากษาตัดสิน หรือวันพิพากษาอีกต่อไป เมื่อเขาได้มีการรำพึงภาวนาและสักการะบูชาต่อไป สภาพวิญญาณของเขาก็จะอยู่ในสถานะที่สูงขึ้นไป ซึ่งวิญญาณนั้นก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์และแสดงให้เห็นว่าบุคคลนั้นจะได้รับการยกสถานภาพขึ้นไปให้หลุดพ้น

บุคคลซึ่งได้มุ่งสู่การรำพึงภาวนาแบบคาล์ป การรำพึงภาวนาของวิญญาณของบุคคลซึ่งได้เข้าสู่หรือในไม่ช้าก็จะเข้าสู่ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า

พวกเขามิได้ถูกนำพาไปโดยคัมภีร์แต่ว่าถูกนำพาไปโดยรหัสธรรมหรือกลายเป็นผู้ซึ่งหลุดพ้นจากบาปเนื่องจากการส่องสว่างแห่งจิตใจ บุคคลเหล่านั้นจะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือบุคคลเหล่านั้นก็อาจจะมีความพยายามแต่ยังคงถูกตัดสิทธิ์ออกจากระเบียบแห่งจิตวิญญาณที่มิได้รวบรวมถึงหนทางแบบนี้

 

(ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า)

 

วิถีทางสำหรับช่วยวิญญาณของบุคคลธรรมดาก็คือการคาราวะสักการะศาสนา

หนทางในการนำพาก็คือ คัมภีร์แห่งสวรรค์ (คัมภีร์ต่างๆ)

หนทางเพื่อ(การขอรับ) การวิงวอนก็คือประกาศกและความเป็นนักบุญ

ชาวมุสลิมหลายๆ คนนั้นไม่เชื่อ และก็ไม่ขอวิงวอนต่อนักบุญ เมื่อเป็นที่ทราบว่าประกาศกโมฮัมเหม็ดได้สั่งสอนเพื่อนร่วมทางให้เข้าไปสู่ โอวาย คานิ (Owais qarmi)และขอร้องให้เขาสวดรำพึงภาวนาเพื่อทำให้วิญญาณหลุดพ้นแก่ประชาชนทั้งหลายแหล่

 

ศาสนาแห่งวิญญาณความรักของพระผู้เป็นเจ้า

และการรับรู้ถึงบุคคลที่อยู่ในศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า

ซึ่งแม่น้ำทุกๆ สายจะรวมกันและเป็นที่ทราบเสมือนเป็นสายทะเล

ซึ่งศาสนาทั้งหมดจะรวมกันและกลายเป็นหนึ่งเดียว

คือว่าความรักของพระผู้เป็นเจ้าและศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า

เป็นที่ซึ่งศาสนาทั้งสี่สายมาพบกัน (นักบุญ ซูตาน ซาฮิ)

การรับรู้และยึดถือแต่เดิม(เป็นสัญญาณของบุคคลที่อยู่ร่วมศาสนา)

เมื่อมีการรำพึงภาวนาของทั้งสองฝ่าย คือ คาล์ปและก็วิญญาณได้เริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับการกระตุ้นโดยการคาราวะหรือการรำพึงภาวนาหรือโดยการชำเลืองมองดูจิตวิญญาณและฑัณสทานของผู้นำทางด้านจิตวิญญาณที่สมบูรณ์และก็แนวทางที่ชี้นำหรือไม่ ในทั้งสองตัวอย่างนี้หมายถึงว่า บุคคลนั้นก็ได้ถูกกำหนดมาในทางแห่งพระผู้เป็นเจ้าอันนิรันดร์ (ได้ถูกกำหนดชะตากรรมให้เป็นและดังนั้นตั้งแต่จุดเริ่มต้นมาแล้ว) ยิ่งไปกว่านั้นบุคคลต่างๆ ก็ยังได้มีความรังเกียจบาปและแม้แต่ว่าถ้าการกระทำใดๆ นั้นไม่ถูกต้องและเป็นบาป บุคคลคนนั้นก็จะต้องรู้สึกเศร้าเสียใจและบุคคลคนนั้นก็จะต้องคิดอย่างลึกซึ้ง ถึงวิธีการต่างๆ ที่จะป้องกันการกระทำบาปซ้ำอีก

พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวว่า เราชอบบุคคล เรารักประชาชนผู้ซึ่งคิดถึงวิธีการต่างๆ ซึ่งจะอยู่ในสภาพปลอดจากการกระทำบาป

ยิ่งไปกว่านั้นความรักในเรื่องของวัตถุทางโลก ก็ยิ่งลดน้อยลงและความรักของพระผู้เป็นเจ้าเริ่มที่จะมีบทบาทสำคัญ แรงปรารถนาอันแรงกล้า ความริษยา ความเห็นแก่ตัว และความเย่อหยิ่ง เราก็จะรู้สึกได้ ก็จะหายไป ลิ้นที่พูดจาสบประมาท ก็จะรู้สึกถึงความสุภาพ ความเห็นแก่ตัวก็จะถูกแทนที่ด้วยความมีน้ำใจ และการโกหกหลอกลวงก็จะค่อยๆ หายไป การเปลี่ยนแปลงความปรารถนาที่ไม่ถูกต้อง เป็นความปรารถนาที่ดีและความรังเกียจในการที่จะกระทำบาปหรือสิ่งไม่ถูกต้อง ก็จะเพิ่มขึ้นและก็มีต้องการสงวนการรับทานสิ่งที่ต้องห้าม อาหารที่ได้ห้ามไว้ และรังเกียจการกระทำบาปหรือสิ่งต้องห้าม

การรับรู้อย่างเต็มเปี่ยม(เป็นสัญญาณแห่งบุคคลซึ่งอยู่ร่วมในศาสนา)

ความรู้จักประมาณตัวเองอย่างสมบูรณ์จากการใช้ โคเคน ฝิ่น เฮโรอีน และ แอลกอฮอร์ จะสามารถที่จะพบกับสภาพทางจิตวิญญาณที่อยู่ในระดับสูงและได้รับการยกระดับเหนือขึ้นไป ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแห่งความฝัน หรือลักษณะของประสบการณ์ในด้านการรำพึงภาวนา หรือการเห็นภาพเป็นมิติ การบรรลุถึงความบริสุทธิ์ทางด้านจิตวิญญาณและทางด้านการส่องสว่างของ นาฟ (Nafs) จิตวิญญาณของตนเองและดังนั้นก็จะได้รับการแปรรูปแบบจากสภาพที่เป็นฐานไปยังสภาพซึ่งมีความสงบสุขแก่ตนเอง และก็มีสถานภาพทางจิตวิญญาณ แอนนา ได้คงยืนอยู่เผชิญหน้าอยู่ต่อหน้าของพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้าและก็พบว่าเครื่องปิดกั้นระหว่างมนุษย์และพระผู้เป็นเจ้านั้นก็จะถูกถอดถอนออกไป

นอกจากนี้ก็จะอยู่ในสภาพซึ่งปราศจากบาปและก็มีความรักอันท่วมท้นในพระผู้เป็นเจ้าและก็เป็นส่วนร่วมกับพระองค์ (เป็นส่วนที่ได้ร่วมกับสาระถะของพระผู้เป็นเจ้า) และจากบุคคลธรรมดาก็จะกลายเป็นผู้จัดหาให้แก่ประชาชน และมนุษย์ผู้ซึ่งมีความยากจนก็จะเป็นผู้จัดหาหรือผู้ให้แก่ผู้ยากจนต่อไป

เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าหลายๆ ดวงจากศาสนาต่างๆ ก็จะเข้าสู่ศาสนานี้และด้วยเหตุผลนี้ก็จะไม่มีเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับศาสนาใดๆ และทุกคนก็จะสามารถที่จะดำเนินการในการที่จะคาราวะเคารพสักการะตามที่ได้รับการกำหนดไป แต่ว่าการรำพึงภาวนาถึงเรื่องคาร์ฟ พวกเขาก็จะต้องฝึกปฏิบัติและก็ต้องทำให้เหมือนเดิม

ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาจะต้องมาจากศาสนาซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งหมด หัวใจของพวกเขาก็จะต้องถูกรวมอยู่และเมื่อพระผู้เป็นเจ้ามาอยู่ภายในหัวใจพวกเขาทั้งหมดก็จะกลับไปเป็นประชากรของพระองค์ และหลังจากนั้นก็จะขึ้นอยู่กับพระองค์ ว่าพระองค์จะรักษาพวกเขาและส่งพวกเขาไปยังศาสนาเพื่อให้เป็นผู้นำทางหรือไม่ ในอีกใจความหนึ่งบางคนก็จะอยู่ท่ามกลางประชาชนและก็จะสร้างประโยชน์ให้แก่พวกเขา บางกลุ่มก็จะอยู่แยกต่างหากเสมือนเป็นทหาร และเป็นผู้บัญชาการ (ทางด้านจิต)

แม้แต่ผู้ที่เป็นคนบาปและไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ใดๆ บุคคลซึ่งจะช่วยและช่วยผู้คนเหล่านี้ก็จะต้องมาร่วมถึงรางวัลทางด้านจิตวิญญาณและเข้าถึงระดับนั้น บุคคลดังกล่าวที่ว่านี้จะต้องไม่ไปร่วมกับกลุ่มนี้ (ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ) บุคคลส่วนใหญ่ก็จะ เข้าไปร่วมกับซาตาน หรือพวก แอนตี้ใคร้ ว่าพวกเขาจะเป็นมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิมก็ตามหรือไม่ สุดท้ายสองกลุ่มก็จะเกิดการทำสงครามกันขึ้นและบุคคลซึ่งอยู่ฝ่าย เยซู เมรี และ คาลกี อาฟตา ก็จะร่วมกันและก็ทำลายอีกกลุ่มหนึ่ง (ซึ่งเป็นพวกแอนตี้ใคร้) พวกที่เป็นแอนตี้ใคร้จำนวนมากมายก็ได้ถูกฆ่าตาย และบุคคลเหล่านั้นที่รวดจากการฆ่าตายและการต่อสู้ก็จะเก็บตัวเงียบอยู่ในความกลัวและก็ไม่รู้ว่าจะเดินทางอย่างไรต่อไป

เมรีและเยซูก็จะครอบครองจิตใจของพระเจ้าอีกช่วงและสันติสุขก็จะถูกกำหนดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในโลกทั้งหมดศาสนาที่มีความแตกต่างกันก็จะหยุดและก็จะแปรรูปเป็นศาสนาเดียวซึ่งก็จะเป็นศาสนาซึ่งพระผู้เป็นเจ้ามีความประสงค์มากที่สุดและก็จะเป็นสาระถะของทุกๆ ศาสนา และของทุกๆ คัมภีร์และก็จะเป็นที่ยอมรับได้โดยมนุษยชาติทั้งหมด และก็จะเป็นสิ่งที่มีความดีเด่นมากกว่าทุกๆ ประเภทที่เราจะต้องทำการคาราวะและจะสูงกว่าทุกรูปแบบของการเคารพสักการะ หรือแม้แต่สูงกว่าความรักเพื่อพระผู้เป็นเจ้า จะเป็น อิชของพระผู้เป็นเจ้า (ishq)  (จะเป็นรูปแบบที่มีความรู้สึกอย่างแรงกล้าและเข้มแข็งมากของความรักเพื่อสาระถะของพระผู้เป็นเจ้า) ขณะที่อิช (ความรัก) เกิดขึ้นอยู่กับใคร ความเชื่อก็ไม่สามารถจะรับรู้สิ่งใดๆ (นักบุญ ซูต่าน บาบู) นักบุญที่มีชื่อเสียง อิคบาล ได้นำส่วนในความคิดนี้ ในวิธีการต่างๆ

โลกจำเป็นจะต้องมี เมดี mehdi  ปรัชญาของเผ่าก็จะเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของแนวความคิดที่ได้รับกันอยู่

การเปิดกว้างและรหัสธรรมที่ลี้ลับ และสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีตเมื่อพระผู้เป็นเจ้าปฏิเสธแนวความคิดของเขา สาระถะนั้นได้ปรากฏเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แก่ประชาชนเขาคือเมดีผู้หนึ่งที่อยู่ จุดจบของเวลา

เมื่อเปิดตาขึ้นในกระจก แห่งความเข้าใจให้มองดูรูปภาพ และมองดูรูปภาพในอนาคตที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกและให้ดูไปที่ยังจักรวาลแผ่นดินและในอวกาศให้มองดูขณะหนึ่ง ขณะที่มีบุคคลหนึ่งจะปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก

ได้หายไปแล้ว เวลานั้น โอล เป็นผู้ให้การดื่มกิน เวลานั้น (ของความรัก) เมื่อได้มีผู้ดื่มกินนั้นหายไป โลกทั้งโลกก็จะกลายเป็นโรงเหล้าเล็กๆ และทุกดวงวิญญาณก็จะเป็นผู้ดื่มในความรักของพระผู้เป็นเจ้า

เวลาได้มาถึงและได้ปรากฏแล้ว ทุกๆ คนก็จะได้เห็นกลิ่นไอและความยิ่งใหญ่แห่งความเงียบงันก็คือ สิ่งที่ปิดกั้นเขาไว้ และความรักอันยิ่งใหญ่ตอนนี้ก็จะได้ปรากฏออกมา

ออกนอกเหนือจากทะเลทรายเขาก็จะได้มาถึง เขาก็จะได้เปลี่ยนอาณาจักร โรม ที่เคยได้ยินมาจากเหล่าเทวดาทั้งหลายแหล่ ว่าสิงโตก็จะได้ตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

สิ่งที่ได้รับการเปิดเผยออกมาจากพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์และบัญชาต่างๆ ไม่ใช่แต่ในศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า คัมภีร์ต่างๆ เหล่านี้ก็จะเป็นกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกันกับการสักการะบูชา การใช้ชีวิตอย่างสันโดษ และก็ใช้ชีวิตอย่างเคร่งครัด ด้วยเหตุที่พระผู้เป็นเจ้ามิได้ถูกจำกัดขอบเขตโดยสิ่งเหล่านี้ ศาสนาเหล่านี้ก็ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องส่องสว่างและสร้างให้ประชาชนมีความบริสุทธิ์สำหรับประกาศกต่างๆ และด้วยเหตุที่พระพุทธเจ้าพระองค์เองนั้นเป็นแสงแห่งความบริสุทธิ์และเมื่อบุคคลหนึ่งกลายเป็นแสงหรือได้รับการส่องสว่างหลังจากที่ได้รับการเข้าร่วมแล้ว ก็จะเข้าสู่อาณาจักรศาสนาของพระผู้เป็นเจ้า ศาสนาของพระผู้เป็นเจ้าก็คือความรัก ความอาทร ความหมายต่างๆ ของ ชื่อจำนวน 99 ชื่อของพระผู้เป็นเจ้าก็จะแสดงให้เห็นเขาจะเป็นพระผู้เป็นเจ้าซึ่งพูดถึงเกี่ยวกับเพื่อนหลายๆ คนของเขา

พระผู้เป็นเจ้าก็คือความรักและผู้ที่รัก และผู้ที่ถูกรักถ้าบุคคลใดก็ตามของพระผู้เป็นเจ้าได้รับจากพระองค์จะเป็นส่วนแบ่งปันใดๆ ก็ตามของพรสวรรค์เหล่านี้ คนพวกนั้นก็จะเข้าถึงและไปสู่ศาสนาของพระองค์ การสักการระบูชาก็จะมุ่งไปสู่พระผู้เป็นเจ้า การสวด ขับร้องเพลงในนามของพระองค์ (การสรรเสริญ) คือบุคคลซึ่งมีความประสงค์ดังกล่าว และยิ่งไปกว่านั้นความมั่นใจในพระผู้เป็นเจ้าก็จะเข้าไปสู่ตัวเขาจาก การประพฤติทางด้านศาสนา ระยะเวลานานของชีวิต ซึ่งมิได้กระทำมาอย่างต่อเนื่องหรือมิได้ปฏิบัติมาเลย และดังนั้นการเคารพสักการะโดยรวมของเทวดาต่างๆ หรือมารร้ายและมนุษย์ต่างๆ ก็ไม่สามารถเข้าถึงสถานภาพของพระผู้เป็นเจ้าได้

เป็นความเกี่ยวข้องกันระหว่างบุคคลดังกล่าวซึ่งมหาบุรุษ ไช้ค อับดุล คาดี อาล จิรานี ได้ระบุไว้

บุคคลใดก็ตามที่เข้าถึงภาพลักษณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าและยังคงปฏิบัติการคาราวะบูชา หรือมีความประสงค์ที่จะทำในเรื่$